Yamaha MT09 Y-AMT ไฮเปอร์เน็กเก็ด กับระบบเกียร์ใหม่

Joe Superbike

Yamaha MT09 Y-AMT 2024
ไฮเปอร์เน็กเก็ด กับระบบเกียร์ใหม่

Yamaha MT09 Y-AMT
Yamaha MT09 Y-AMT

หลังจากนวัตกรรม Yamaha Y-AMT ถูกเผยออกสู่สายตาสาธรณชนทั่วโลกแล้ว ย่อมตามมาด้วยประเด็นคำถามมากมายว่าเจ้าระบบรุ่นนี้ จะถูกนำไปใช้ในโมเดลในเซ็กเมนต์ใด ใช้กับโมเดลรุ่นอะไร และคำตอบก็มาพร้อมกับโฉมโมเดลรุ่นใหม่ล่าสุดแล้วกับ Yamaha MT09 Y-AMT 2024 พร้อมที่จะพาเหล่าสาวกเน็กเก็ดไบค์ได้สัมผัสถึงด้านมืดอย่างเร้าใจไปอีกขั้น เดี๋ยวเราไปชมว่าเจ้าเอ็มทีเวอร์ชันนี้ จะมีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ

ระบบชิฟเกียร์ YAMAHA Y-AMT

ระบบ Y-AMT หรือ Yamaha Automated Manual Transmission เป็นระบบจะเข้ามาเสริมระดับการขับขี่ให้สนุกมากยิ่งขึ้น ตามเป้าหมายของทางค่ายผู้ผลิตที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ ผ่านกลไกของระบบชิฟเกียร์แบบใหม่ที่มีมาให้ทั้งชุดเกียร์แมนนวล (MT) และเกียร์อัตโนมัติ (AT) ซึ่งมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.8 กก. โดยระบบเกียร์ทั้งสองชุดจะทำงานควบคู่กับระบบคลัตช์ไฟฟ้า และไม่จำเป็นต้องกำคลัตช์ที่ก้านคลัตช์ฝั่งซ้ายอีกต่อไป รวมถึงไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ที่พักเท้าอีกด้วยนั่นเอง

คันโยกเกียร์ MT จากประกับฝั่งซ้าย

โดยระบบชิฟเกียร์ดังกล่าวสามารถชิฟเกียร์ด้วยปุ่มทางประกับฝั่งซ้าย และควบคุมคอนโทรลผ่านปลายนิ้วสัมผัส โดยมีทั้งปุ่มอัปเกียร์ (+) และดาวน์เกียร์ (-) แถมยังเสริมการขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบเกียร์ออโตเมติก Automatic Transmission (AT) ที่มีฟังก์ชันทั้งโหมด D ใช้สำหรับขับขี่บนถนนทั่วไป และโหมด D+ เพิ่มรอบขับขี่แบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยระบบเกียร์ทั้งสองชุดจะสามารถสลับการทำงานผ่านปุ่มควบคุมที่ประกับขวา (AT/MT) ติดตั้งมาให้

Smart Key System

ติดระบบสมาร์ทคีย์แบบเดียวกับรุ่น SP 2024

สำหรับรุ่น MT-09 Y-AMT รุ่นนี้จะอัปเกรดระบบกุญแจจากเดิมที่เป็นกุญแจไข (รุ่น 2024 ในบ้านเรายังใช้อยู่) มาเป็นสมาร์ทคีย์เต็มระบบ ซึ่งจะเป็นเบสแบบเดียวกับรุ่น SP ตัวแต่งนั่นเอง (แต่โช้คและคาลิเปอร์เบรกไม่ได้ให้มานะ T.T)

เครื่องยนต์ CP3 และช่วงล่างมาตรฐาน

เครื่องยนต์ CP3 สามสูบเรียง 890 ซีซี

สานต่ออะดรีนาลีนแห่งความเร้าใจด้วยขุมพลังครอสเพลน CP3 ขนาดสามสูบเรียง 890 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้สมรรถนะแรงบิดที่สูงตั้งแต่รอบต่ำ โดยมีพละกำแรงม้าสูงสุด 119 แรงม้าที่ 10,000 รอบ พร้อมแรงบิดที่ 93 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ และยังผ่านค่าไอเสีย EURO5+ อีกด้วย

หล่อ กระชากใจ

และช่วงล่างด้วยโช้คอัพด้านหน้า Up Side down ขนาด 41 มม. ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกกับดิสก์เบรกคู่ด้านหน้า 298 มม. สวมปั๊มเบรก 4 ลูกสูบ ปั๊มบน Brembo โลโก้ขาว และดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 245 มม. ปั๊มเบรกลูกสูบเดียว พร้อมล้อและขนาดของยางที่ 120/70-17 และ 180/55-17

หน้าจอสี TFT พร้อมโหมดการขับขี่

หน้าจอสี พร้อมโหมดการขับขี่

ยังมาพร้อมด้วยหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว สามารถชื่อมข้อมูลตัวรถผ่านสมาร์ทโฟนผ่านแอปฟลิดคชัน MyRide ไว้รับโทรศัพท์ ดูข้อความและฟังเพลง รวมถึงระบบ GPS นำทางผ่านแอป Garmin Street Cross ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับโหมดการขับขี่ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่สามารถควบคุมผ่าน Yamaha Ride Control (YRC) ทำงานร่วมกับ Y-AMT ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และนอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้ใช้งานถึง 3 โหมดได้แก่ Sport, Street และ Rain (ปรับค่าไม่ได้) แถมยังปรับแต่งโหมดขับขี่ให้เข้ากับตัวเองได้ด้วยโหมด Custom 2 โหมดไว้ใช้งานสำหรับขับขี่ในสนามแข่งได้อีกด้วย

ก็ถือว่าทายถูกส่วนหนึ่งจากที่คาดการณ์ไว้ว่า น่าจะใช้กับโมเดลสายสปอร์ตในตระกูล R-Series ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่าง YZF-R9 หรือสายแอดเวนเจอร์ทัวริ่งอย่าง Tracer 9GT หรือไม่ก็ Tenere แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นได้ดีด้วยเจ้าไฮเปอร์เน็กเก็ดรุ่นนี้ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในหลาย ๆ แง่มุมการใช้งาน และอาจจะมีมาเพิ่มในรุ่นที่กล่าวไว้ข้างต้นก็เป็นได้ อย่างไรก็แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดไปอีกขั้นและสามารถเกิดขึ้นได้จริง และในอนาคตเราอาจได้ขี่บิ๊กไบค์ที่ไม่จำเป็นต้องกำคลัตช์อีกต่อไปก็เป็นไปได้

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

รีวิว-ทดสอบ Royal Enfield Guerrilla 450 หรือ กองโจรสี่ห้าศูนย์

รีวิว-ทดสอบ Royal Enfield Guerrilla 450 หรือ กองโจ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version