ของดีมีแล้วต้องขี่ จะช้าอยู่ไย หนาวนี้ก็ต้องขี่เที่ยวสิครับ รออะไร!
สายลมหนาวเริ่มโบกโบยโชยพัดมา ด้วยโอกาสอันดีนี้ Honda ก็ได้เชิญเราออกไปทดสอบสมรรถนะของ Honda Forza ในรูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยวออกไปลั้นลาท้าลมหนาวกันไกลถึงจ.บุรีรัมย์พร้อมกับสื่อมวลชนต่างๆหลายชีวิตร่วมเดินทางทดสอบไปพร้อมๆกัน
โดยทริปนี้เริ่มออกสตาร์ทกันจากศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ากรุงเทพ ผมควบเจ้า Forza ฝ่าการจราจรที่แสนคับคั่งในเมืองหลวง ลัดเลาะ ซิกแซกออกไปสู่ถนนสายเอเชียและตัดเข้าถนนมิตรภาพที่สายสองล้อหมู่เฮาต่างรู้จักกันดี ว่าเส้นนี้มีช่วงเหมาะเหม็งกับการขับขี่ เส้นทางนั้นเย้ายวนชวนให้เปิดคันเร่งจนหน้าตึงพอประมาณ ช่วยเพิ่มอรรถรสความเร้าใจให้กับพวกเราที่ขี่สกู๊ตเตอร์กันได้พอหอมปากหอมคอ พอเริ่มหิวก็แวะเติมพลังลงท้องที่ร้านข้าวสามสี อิ่มอร่อยเพิ่มพลังกันแล้วก็หวดรถขึ้นไปย่อยบนเขายายเที่ยง แต่มาไม่เจอยาย เพราะดันขึ้นไปตอนบ่าย (มันใช่เหรอ?) อากาศเริ่มเย็นลง ลมพัดเย็นๆ สบายๆ มีหมอกบางๆ แต่ยังพอที่จะได้เห็นกังหันขนาดใหญ่ยักษ์และเส้นทางที่มีวิวสวยๆ ให้ได้เก็บภาพเป็นที่ระลึก นอกจากนี้เรายังไปอีกหลายๆ จุดด้วยกันทั้ง วนอุทยานเขากระโดง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต่ำ อุทยานแห่งชาติตาพระยา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และกลับมาที่กรุงเทพ รวมระยะทางกว่า 1,056.8 กม. ซึ่งก็น่าจะพิสูจน์สมรรถนะความทนทานและหลายๆ เรื่องได้มากพอสมควรครับ
รูปโฉมใหม่ของเจ้า Honda Forza โมเดลใหม่นี้มีความโฉบเฉี่ยวและดูสปอร์ตดูเรียวมากขึ้นกว่าโมเดลเก่าจากการดีไซน์เส้นสายเสียใหม่ มิติของตัวรถมีขนาดสั้นลง ฐานล้อเองก็น้อยลง นอกจากนี้ยังเพรียวกว่าเดิมอีกด้วย ถึงแม้ว่าล้อหลังจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ทว่าน้ำหนักโดยรวมของรถกลับเบาลงกว่าโมเดลเก่า 12 กก. เนื่องจากแชสซีและเฟรมที่มีการปรับปรุงใหม่ แน่นอนว่างานนี้แม้จะเครื่องยนต์เดิม แต่น้ำหนักเบาลงก็ย่อมทำให้สมรรถนะต่างๆ ของรถดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ระบบไฟส่องสว่างรวมถึงไฟเลี้ยวทั้งหมดยังเป็น LED ตามสมัยนิยมอีกด้วย
พูดเรื่องของเครื่องยนต์กันบ้าง การตอบสนองของเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 279 ซีซีแบบระบายความร้อนด้วยน้ำในรอบต้นค่อนข้างนิ่มนวล ไม่ได้เปิดคันเร่งแล้วติดมือมาแบบปู๊ดป๊าด ทำให้ช่วงเวลาที่จะเปิดคันเร่งเพื่อแซงต้องเผื่อจังหวะหน่อย แต่พอได้รอบแล้วก็ลอยตัว ลากยาวๆ หมดปลอกได้สบายๆ เครื่องยนต์เดิมๆ ไม่ปรับแต่งอะไร สามารถทำความเร็วสูงสุดแตะ 150 กม./ชม.ได้ ถ้าเป็นคนตัวเล็กน้ำหนักน้อย สำหรับตัวผมเองความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 145 กม./ชม.ในระดับที่เปิดชิลด์หน้าสูงสุดพร้อมหมอบแล้วกับน้ำหนักตัว 93 กิโลกรัม (อ้วนพริ้วก็งี้แหละครับ) ก็เป็นความเร็วที่กำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป สามารถใช้ขับขี่เดินทางแบบเพลินๆ แต่ในใจผมที่เป็นอดีตไบค์เกอร์สายดิบ ผมก็อยากให้กำลังเครื่องรอบต้นแรงกว่านี้อีกซักหน่อยจะดีมากๆ ครับ
ในส่วนของการขับขี่นั้น พวกเราวิ่งยืนพื้นกันราวๆ 140 กม./ชม. ซึ่งก็ไม่ใช่ความเร็วเดินทางหรอก เรียกว่าเค้นกันหนักทีเดียว ก็มีผ่อนบ้างเร่งทำความเร็วบ้าน ผมทำค่าเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองจากเครื่องยนต์นาด 300 ซีซีเครื่องนี้ได้ที่ราวๆ 31 -32 กม./ลิตรซึ่งถือว่าประหยัดมากๆ อีกท่านั่งขับขี่เองก็สบายมากๆ เนื่องจากเบาะนั่งมีขนาดใหญ่ หนานุ่ม แต่ไม่แน่นจนเกินไป ทำให้นั่งขับขี่ได้ยาวๆ โดยไม่รู้สึกปวดก้น ส่วนที่วางขาเองก็มีที่กว้าง เปลี่ยนที่วาง เปลี่ยนท่าวางได้สบายๆ ช่วงล่างที่ให้มานั้นดีพอสมควร เข้าโค้งได้ดีในระดับนึง เปลี่ยนยางดีๆ สักหน่อยจะยิ่งดีครับ ขี่ถนนทางตรงสบายนุ่มนวล สบายมากๆ ขี่ช้าๆ ไกลๆ อาจมีง่วงได้ ชิลด์ไฟฟ้าที่ให้มาถือว่าเป็นทีเด็ดเลย ใช้งานได้ดีมาก เพราะช่วงที่เดินทางเจอฝนตกค่อนข้างหนักเลยล่ะ แค่กระดิกนิ้วกลางกดสวิสซ์ดันชิลด์ขึ้นแค่นั้น ก็ไม่ต้องกลัวเปียกเลยเศษหินกรวดหายห่วง อยากรับลมเย็นๆก็แค่กดลดลง นอกจากนี้แล้วเจ้า Forza ยังมีระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของรถ จากการตรวจสอบประเมินความแตกต่างของความเร็วของล้อหน้าและล้อหลัง และจะทำการปรับแต่งการจ่ายน้ำมันเพื่อให้แรงบิดลดลงเพื่อเรียกคืนการยึดเกาะที่ล้อหลังกลับมาอีกด้วย
งานนี้ผมได้ขยับคันเร่งเด้งซ้ายโยกขวาขี่ Honda Forza แบบชิลล์ ไม่รีบไม่เร่ง สไตล์หวานเย็น ลุยแดด ฝ่าลมหนาว กลางสายฝน ครบทุกรสชาติในวันเดียว เจ้า Forza ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย การทดสอบครั้งนี้ตอกย้ำถึงสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำนำเทรนด์ ให้การขับขี่ง่าย คล่องตัว สะดวกสบาย และโดดเด่นกับการดีไซน์สุดพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ผู้รักการขับขี่ของรถสกู๊ตเตอร์พิกัด 300 ซีซีได้ดีมากๆ ครับ ส่วนตัวตรงๆ เลยผมถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจทีเดียว แต่ส่วนตัวอยากให้มันแรงกว่านี้จริงๆ ครับ อยากให้ Honda จัดมาเต็มๆ 300 ซีซี ได้แรงม้าแรงบิดเพิ่มอีกสักนิดจะแจ่มว้าวมากๆ ครับ
