รถที่ใช้แข่ง…แน่นอน ถ้ามานั่งวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนักก่อนชกแล้ว เรื่องความแรงหรือสมรรถณะระดับเทพ ก็ต้องตกเป็นของ MotoGP แต่ WSBK ก็แรงพอตัว แรงพอที่จะคุยได้ว่าเป็นมวยรุ่นเล็กที่มางัดกับรุ่นใหญ่แล้วอาจจะมีโอกาสที่สูสีมากๆ เราไปดู Spec รถ ของรถตัวท้อป อันดับ 1 ที่ได้แชมป์จากสนามนี้ทั้งสองทีม(คน)กันดีกว่า
ส่วนประกอบ | Honda RC213V (MotoGP) | Ducati Panigale R (WSBK) |
ประเภทเครื่องยนต์ | liquid-cooled, four-stroke, DOHC 4 valve, V-4 | 4-stroke L-twin 90° |
ขนาดความจะกระบอกสูบ (cc) | 1000 | 1198 |
wheel base (mm) | 1,435 | 1450 |
กำลังเครื่องยนต์ (hp) | 240 | 210 |
จานเบรก | Carbon | Steel |
Caliper เบรก หน้า/หลัง | Brembo radial P4X30-34* / Brembo radial P2X34* | |
ยาง | Michelin Power Slick (MotoGP)** | Pirelli Diablo Superbike |
ระบบกันสะเทือน หน้า/หลัง | Öhlins** | RVP25 Öhlins ,RSP40 Öhlins |
* ระบบเบรค อ้างอิงจากภาพ รหัสจริงของ MotoGP ไม่ได้เปิดเผย
** Spec ไม่เปิดเผยแน่ชัด
ซึ่งสถิติเวลาอย่างเป็นทางที่สนามช้าง จากรายการแข่งขัน Superbike ทั้งสองสร้างไว้ก็คือ
MotoGP : 1.31.471 นาที โดย Marc Marques ทีม Repsol Honda Team
WSBK: 1.33.627 นาที โดย Chaz Davies ทีม aruba.it Racing – Ducati
จะเห็นได้ว่า Chaz Davies สามารถเอา Panigale R มาลงแข่งในงาน Moto GP และสามารถแข่งจบแบบหล่อๆ ตีคู่ไปกับ Jordi Torres โดยที่มีเวลา ห่างกับหัวแถว ไม่ถึง 3 วินาที เท่านั้น
โจทย์หินที่สุดของนักแข่งและทีม ไม่ว่าจะเป็น MotoGP หรือ WSBK แต่คนไทยอย่างเราๆก็คุ้นชินอยู่แล้ว ถึงแม้จะยืนข้างสนามก็เหงื่อตกไม่ต่างกัน ด้วยอุณหภูมิพื้น Track อันร้อนระอุของแดดประเทศไทย ที่พอจะอุ่นไก่ย่างเพียงวางไว้บนสนามประมาน 15 นาที …วัดจากพื้น Track ได้สูงถึง 45º C หรือเรียกได้ว่าอุณภูมิสูงสุดที่นักแข่งจากทั้ง 2 รายการ จะได้สัมผัส แถมยังต้องฟาดฟันกันบนสนาม ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงในเสื้อหนัง Racing Suit เหมือนเตาอบนักแข่งชั้นดีนี่เอง
อากาศคือตัวแปรหลักที่ทำให้การแข่งขันที่สนามช้าง “ยาก” กว่าที่อื่นๆ บวกกับรูปแบบสนามที่มีทางตรงและโค้งความเร็วสูง ยิ่งทำให้การควบคุมรถหรือถ้าจะให้ชัดอีกนิดก็คือ…การควบคุมเนื้อยางให้ทนกำลังข้อมือ การแข่งให้ยางเหลือจนจบมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ร่างกายต้องฟิต รถต้องพร้อม ยางต้องถึก ไม่งั้นละลายเป็นไอติมโคนตากแดดแน่นอน….