Lambretta G350 Series II ดีไซน์ที่ยกระดับความคลาสสิก มากยิ่งขึ้น 

Admin Superbike

เปิดตัว Lambretta G350 Series II สกู๊ตเตอร์คลาสสิกระดับไฮเอนด์ เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เพียงแค่การถ่ายทอด DNA แท้ของ LAMBRETTA

เอาไว้ในตัวตน แต่ยังเติมเต็มด้วยงานดีไซน์สไตล์อิตาเลียนอันโดดเด่น ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในความงดงามแบบคลาสสิกได้อย่างลงตัว กับการกลับมาในรูปโฉมใหม่ของ “Remaster Collection” ในดีไซน์ที่ยกระดับความคลาสสิกเข้าสู่ความเป็นตำนานของแลมเบรตต้ามากยิ่งขึ้น 

Lambretta G350 Series II

สำหรับเจ้าพ่อสกู๊ตเตอร์คลาสสิกระดับตำนานจากประเทศอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 77 ปี อย่างแบรนด์แลมเบรตต้า (LAMBRETTA) กับการทำตลาดในเมืองไทย ณ ขณะนี้ ที่ประกอบไปด้วย 3 ซีรีย์หลัก ได้แก่  รหัส V , X และ G  ซึ่งอาจเรียกได้ว่า มีรหัส G คือรุ่น G350 เป็นพี่ใหญ่ หรือรุ่น TOP สุด ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันของแบรนด์แลมเบรตต้า ณ ขณะนี้ 

สำหรับรุ่น G350 ถือกำเนิดครั้งแรกขึ้นในปี 2022 ในวาระพิเศษของการเฉลิมฉลองปีที่ 75 ของแบรนด์แลมเบรตต้า ที่จัดขึ้นภายในงานศิลปะชื่อดัง อย่างงาน Milan Design Week 2022 ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อสะท้อนความเหนือระดับของสกู๊ตเตอร์ที่ให้มากกว่าแค่การขับขี่ แต่เปรียบเสมือนผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีชที่ขับเคลื่อนได้  ก่อนที่ G350 จะบินมาเปิดตัวในบ้านเราภายในงาน Motor Expo 2022

และเริ่มส่งมอบรถสู่ท้องถนนเมืองไทยกันไปในช่วงกลางปี 2023 ที่ผ่านมา  เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหล่าสาวกแฟนแลมเบรตต้าตัวจริงหรือที่เรียกกันว่าชาวแลมเบรตติสต้า (LAMBRETTISTA) ต่างไม่พลาดที่จะหามาไว้ในครอบครอง 

ล่าสุด! กับการเปิดตัว  “G350 Series II” (จี สามห้าศูนย์ ซีรีย์สอง) กับการสานต่อความสำเร็จจากรุ่นแรก สู่การกลับมาอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ของ “Remaster Collection” ในดีไซน์ที่ยกระดับความคลาสสิกเข้าสู่ความเป็นตำนานของแลมเบรตต้ามากยิ่งขึ้น กับ 4 คู่สีสัน สไตล์ทูโทน

ที่แต่ละสีล้วนถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนความเรียบหรูและสง่างาม อีกทั้งยังมีการนำ Iconic badge ที่เคยปรากฏในรุ่นตำนานในอดีต มารีดีไซน์และประดับไว้ใน G350 Series II ได้อย่างลงตัว ยิ่งเป็นการเติมเสน่ห์ให้รุ่น G350 Series II และตอกย้ำว่า มันไม่ใช่แค่เพียงรถสกู๊ตเตอร์ แต่ยังเป็นงานศิลปะชิ้นสำคัญที่สะท้อนถึงมรดกและความงดงามแห่งวัฒนธรรมอิตาลีอีกด้วย  

โอกาสนี้ คุณกวิน ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดนามิค มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้แทนจำหน่ายรถแลมเบรตต้าในประเทศไทย ได้เผยถึงการทำตลาดในประเทศไทย ว่า “ ในปีนี้แบรนด์แลมเบรตต้า ถือเป็นการเดินทางเข้าสู่ปีที่ 77 แล้ว  ส่วนการเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยโดยบริษัท ไดนามิคฯ

เรามีการเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2018 มาจนถึงปีนี้ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 กับ Product Line-up  ทั้ง 3 ซีรีย์ในปัจจุบัน และเมื่อเทียบตัวเลขยอดขายของปี 2022 ที่เรามีเพียงโมเดลในซีรีย์ V-Special ทำตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 5,890 คัน และเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมานี้ เรามีโมเดลในตะกูล X และ G เข้ามาเสริมทัพ

และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนสามารถจบตัวเลขยอดจดทะเบียนในปีทีผ่านมาไปที่ 13,347 คัน ซึ่งหากเทียบกับปีก่อนหน้า ถือได้ว่าเรามีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 126.6%  ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณสมาชิกชาวแลมเบรตติสต้าที่ให้การสนับสนุนกันเป็นอย่างดี โดยในปีนี้

เรายังคงเดินหน้า พัฒนาทั้งในเรื่องของการนำเสนอ Product ที่น่าสนใจ อย่าง G350 Series II คอลเลคชั่นใหม่ ที่ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นแรก นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าพัฒนาในส่วนของการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น”

สำหรับ LAMBRETTA G350 Series II  ยังคงมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเอกลักษณ์สุดพรีเมียม กับเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ขนาด 330.1 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาล์ว ที่มีคาแรคเตอร์การขับขี่ที่ให้ความสมูท ตอบโจทย์ผู้นิยมความคลาสสิก  พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดดเด่นด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long  เอกลักษณ์ของ LAMBRETTA มาตั้งแต่อดีต สู่รุ่นปัจจุบัน

พร้อมบอดี้ตัวรถเหล็กแกร่งแบบ Full Monocoque Frame ที่เพิ่มความพิเศษดีไซน์ให้บริเวณข้างถังทั้งสองข้างสามารถถอดแยกชิ้นได้ เพื่อให้ง่ายต่อการเซอร์วิส รวมไปถึงการคัสตอมแต่งรถในสไตล์ต่างๆ ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย  และแม้ว่าตัวรถจะยังคงดีไซน์สไตล์คลาสสิกตาม DNA ของ LAMBRETTA

ทั้งช่องแตรหรือที่ชาวแลมเบรตติสต้าเรียกกันว่าจมูกหมู รวมไปถึงบังโคลนแบบคงที่ หรือ Fix Fender และเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับไฟหน้าดีไซน์หกเหลี่ยม มาในระบบไฟ LED ทั้งไฟหน้า-หลัง ไม่เพียงให้ความสว่างในการขับขี่ แต่ยังให้ความภาคภูมิใจในดีไซน์อันเป็นตำนานของ LAMBRETTA

นอกจากความคลาสสิกแล้วยังเพิ่มเติมในส่วนของเทคโนโลยีทันสมัยมากับหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ที่ให้สีสันคมชัด สามารถปรับระดับแสงหน้าจอได้ และมีเซ็นเซอร์ที่สามารถปรับหน้าจอจากโหมดหน้าจอสว่าง สำหรับกลางวัน (Day) เป็นหน้าจอมืดสำหรับกลางคืน (Night)  เมื่อตั้งค่าหน้าจอที่โหมดอัตโนมัติ (Auto)

พร้อมฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ ที่สามารถโชว์เบอร์สายเรียกเข้าบนหน้าจอ และในส่วนของเทคโนโลยีการขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบระบบช่วงล่างในชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ที่ถอดแบบดีไซน์เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานของ LAMBRETTA

มาไว้ในรุ่น G350 Series II เช่นเคยกับ Performance ที่ให้อารมณ์ความสมูทขณะขับขี่ มาพร้อมกับยางติดรถจากแบรนด์อิตาลีอย่าง Pirelli ยึดเกาะพื้นถนนให้ความปลอดภัยเหมาะกับการขับขี่ในเมืองไทย และเพิ่มความมั่นใจกับระบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS  

และโฉมใหม่ใน LAMBRETTA G350 Series II  ครั้งนี้ มาพร้อมกับ 4 คู่สีสันแห่งความคลาสสิก ได้แก่ 

  • Rosso-Bianco  (สีแดงขาว)  สีแดงในส่วนของจมูกและฝาข้างของตัวรถ , เบาะสีดำ 
  • Grigio-Bianco (สีเทาขาว) สีเทามีประกาย ในส่วนของจมูกและฝาข้างของตัวรถ , เบาะสีดำ 
  • Nero-Bianco (สีดำขาว)  สีดำในส่วนของจมูกและฝาข้างของตัวรถ , เบาะสีแดง
  • Bianco-Rosso (สีขาวแดง)  สีขาวในส่วนของจมูกและฝาข้างของตัวรถ , เบาะสีแดง

กับราคาเปิดตัวแนะนำขายที่ 216,500 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาที่สมกับการได้ครอบครองความหรูหราและความคลาสสิกของสายเลือดแห่งตำนานสกู๊ตเตอร์ที่สะท้อนถึงสไตล์ รสนิยม และความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี  

และสำหรับใครที่สนใจเป็นเจ้าของ LAMBRETTA G350 Series II  คันนี้ ก็สามารถชมตัวจริงได้ที่โชว์รูม LAMBRETTA  ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ที่ https://booking.lambretta.co.th และ ดูข้อมูลรถเพิ่มเติมได้ที่ https://lambretta.co.th/lambretta-g350-series-2

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

รีวิว XMAX Tech MAX 2024 
กับ 7 จุดเด่น ปักหมุดเช็คอิน จ.ชลบุรี

รีวิว XMAX Tech MAX 2024 
กับ 7 จุดเด่น ปักหมุดเช็ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version