KTM 990 Duke 2024 แรง อัปไซส์ ไล่เบา
จากเดิม 790 เมื่อปี 2017 พร้อมยอดขายถล่มในยุโรป ต่อมาเป็น 890 ในปี 2020 และรุ่นอัปเกรด GP ในปี 2021 และในปีนี้ 2024 กับ KTM 990 Duke 2024 เน็กเก็ดไซส์กลางที่มีเป้าหมายจะเป็นราชันย์แห่งไซส์กลาง และแน่นอนว่าแรงสุดของค่ายส้มจากการอัปไซส์ขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่จะมีอะไรเพิ่มเติมตามมาด้วยนั้น ไปลุยกันเลยครับ
การออกแบบโมเดลใหม่นี้มีเป้าหมายคือการเป็นสุดยอดเน็กเก็ดไซส์กลาง จึงตั้งเป้าที่จะเป็นรถที่มี่น้ำหนักเบาและมีสมรรถนะดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ดีไซน์ของคันนี้พยายามจะทำให้โดดเด่นแตกต่างจากพิกัดเริ่มต้น แต่โดยรวมแล้วจะมาใกล้เคียงกับพี่เบิ้มคันล่าสุดอย่าง 1390 มากกว่า ทำให้ดูสะดุดตาทันทีที่ได้เห็นไฟหน้า LED และแฟริ่งด้านข้าง ตัวรถจะให้ความรู้สึกดุดัน เฉียบคมจากเส้นสาย พร้อมที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความแรงและเร็ว
ขุมพลังใหม่จะเป็นเครื่อง LC8c ที่ผ่านมาตรฐาน Euro5+ ซึ่งจะเป็นเครื่อง 2 สูบเรียงขนาด 947 ซีซีที่เคลมแรงม้ามาที่ 123 แรงม้าที่ 9,500 รอบ และแรงบิดที่ 103 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบ ด้วยการปรับเปลี่ยนองศาโปรไฟล์เพลาข้อเหวี่ยงใหม่ เปิดวาล์วนานขึ้น นอกจากนี้มีการขยายขนาดแผงหม้อน้ำ ปรับปรุงเรื่องการไหลเวียนอากาศเพื่อช่วยระบายความร้อนให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้มีสมรรถนะดีเต็มกำลังก็มีการปรับปรุงระบบไอเสียใหม่ให้ลงตัวกับขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นด้วย ทั้งนี้ตัวรถจะมีขนาดถังน้ำมัน 14.5 ลิตร
ช่วงล่างของตัวรถเองก็ปรับปรุงมาเช่นกัน ตัวรถใช้เฟรมถักโครโมลี่น้ำหนักเบาตามสไตล์ของทางค่ายร่วมกับซับเฟรมอลูมิเนียม ระบบกันสะเทือนเป็นหน้าที่ของ WP ของคู่บุญ โดยด้านหน้าจะเป็นโช้ค WP Apex แบบหัวกลับขนาด 43 ม.ม. สามารถปรับคอมเพรสชันและรีบาวด์ได้ ขณะที่ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยว WP Apex ที่ปรับสปริงมาใหม่ เซ็ตติ้งใหม่ให้ตอบสนองได้ดีขึ้น สามารถปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้ ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มใหม่ที่มี่น้ำหนักเบาลงกว่าเดิม 1.5 กิโลกรัม แต่กลับเสถียรมากขึ้นด้วยการลดความแข็งทื่อให้น้อยลง ใส่ความยืดหยุ่นเพิ่มช่วยซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ทำให้โช้คทำงานได้ดีมากขึ้น ทำให้ช่วยเพิ่มความนิ่งของรถได้ดีขึ้นนั่นเอง
ขณะที่ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 300 ม.ม. พร้อมคาลิเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 240 ม.ม. ซึ่งในส่วนของดิสก์เบรกนั้นจะมีน้ำหนักเบาลงอีกด้วย รวมแล้ว 1 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยให้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องสุดท้ายของช่วงล่างคือล้อและยางจะมีขนาด 120/70 R17 และ 180/55 R17 หน้าหลังตามลำดับ
และในเรื่องของเทคโนโลยีนั้น แน่นอนว่ามีมาพอสมควร อย่างแรกเลยคือหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ช่องจ่ายไฟแบบ USB-C โหมดการขับขี่ 3 โหมดได้แก่ Rain, Street และ Sport แทร็คชันคอนโทรล และ ระบบเบรก ABS แบบ 2 ชาแนล
สุดท้ายนี้แล้ว ส่วนตัวผมว่ามันยังดูกั๊ก ๆ เรื่องเทคโนโลยีอยู่ มันน่าจะต้องรอรหัส R และมีเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะพวกของระบบหน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยแบบหกแกน ไม่งั้นจะทำตลาดในไทยสู้ค่ายอื่นได้ลำบาก เพราะค่ายอื่นเขาให้ตรงนี้บวกราคาที่ค่อนข้างโอเคด้วย แต่เรื่องน้ำหนักรถเปล่าที่ 179 กิโลกรัมนี่ถือว่าเบาจริง ๆ ครับต้องยอม
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก