Braking Point คืออะไร
ทำไมนักบิดไม่ควรมองข้าม !
สำหรับในบทความนี้ ต้องขออนุญาตแนะนำเกร็ดความรู้เล็กน้อย ๆ สำหรับนักบิดสายมอเตอร์สปอร์ต นักบิดชื่นชอบการขี่แทร็กเดย์เป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่งนักบิดหน้าใหม่ที่อยากลองพารถบิ๊กไบค์คันโปรดของท่านลงขี่สนามแข่งสักครั้ง กับจุดสัญลักษณ์สำคัญอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ Braking Point เรามาทำความรู้จักกับจุด ๆ นี้กันดีกว่า ว่าทำไมมันถึงต้องมีและควรปฏิบัติตาม
สำหรับจุดเบรกก่อนเข้าโค้ง หรือที่เรียกว่า “เบรกกิ้งพอยท์” ก็คือสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งบนสนามแข่งที่มาร์กไว้ก่อนทางโค้งของสนาม ซึ่งสนามเซอร์กิตส่วนใหญ่ที่รองรับการแข่งขันในระดับประเทศ หรือในระดับโลกล้วนมีจุดเบรกกิ้งพ้อยท์ให้สำหรับผู้ขับขี่ โดยจะแบ่งตามระยะความห่างแตกต่างกันไปแล้วแต่ลักษณะของโค้ง บางโค้ง 50 เมตรบ้าง 100 เมตรบ้าง ยิ่งเฉพาะทางตรงยาวที่จะต้องหวดความเร็วสูง ๆ หรือโค้งบนเนิน โค้งปราบเซียนต่าง ๆ จะสามารถสังเกตได้ง่าย
ซึ่งจุดเบรกกิ้งพอยท์อาจจะมาในรูปแบบของเส้นสีขาวตัดกับลายสนามแข่ง เส้นสีขาวบริเวณด้านข้างของแทร็ก APEX บริเวณขอบแทร็ก หรือแม้กระทั่งไพลอตที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้สำหรับการซ้อมขับขี่นั่นเอง
เพราะฉะนั้นการเบรกในโค้ง จึงเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการแข่งขันเลยไม่น้อย เพราะนักแข่งหรือผู้ขับขี่จำต้องคำนวณระยะการเบรกที่แม่นยำ โดยผ่านปัจจัยหลาย ๆ ส่วนในช่วงเสี้ยววินาที ทั้งความเร็วที่ใช้ก่อนเข้าโค้ง, ลักษณะของโค้ง, น้ำหนักของรถ, ประสิทธิภาพของยาง รวมถึงทักษะและประสบการณ์ของนักแข่งเอง สำหรับใครไม่เคยใช้เบรกในสนามอาจต้องชะลอเพื่อความปลอดภัย ไม่บานโค้ง หรือถ้าใครมีสกิลเบรกลึก ควบคุมอาการของรถได้ดีก็จะได้เปรียบ ฉะนั้นการเลือกจุดเบรกที่แม่นยำและสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำเวลาต่อรอบที่ดี และอาจเป็นจุดที่พลิกตำแหน่งของการแข่งขันเลยก็ว่าได้
การคำนวณหรือหาจุด Braking Point ที่แม่นยำต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ความเร็วในการเข้าโค้ง – ความเร็วที่เข้าใกล้โค้งจะมีผลต่อระยะที่ต้องเริ่มเบรก
- สภาพของสนาม – รวมถึงพื้นผิวถนนที่เปียกหรือแห้ง, สภาพยาง และการยึดเกาะ
- ลักษณะของโค้ง – โค้งที่แคบหรือกว้าง โค้ง U-Turn หรือ S-Curve ล้วนมีจุดเบรกที่ต่างกัน
- ประสิทธิภาพของระบบเบรก – รถที่มีระบบเบรกที่ดีกว่าหรือยางที่ยึดเกาะถนนดี อาจทำให้เบรกได้ใกล้โค้งมากกว่า
เมื่อเจอจุดเบรกกิ้งพอยท์ ควรทำอย่างไร?
เมื่อเจอจุดเบรกกิ้งพอยท์ขณะขับขี่หรือแข่งในสนาม สิ่งที่ควรทำเพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยก็คือ
- ใช้เบรกให้สม่ำเสมอและเหมาะสม : เริ่มเบรกด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่าเบรกอย่างกะทันหัน เพราะอาจทำให้สูญเสียการยึดเกาะและทำให้ล้อหน้าหรือหลังล็อกได้ ควรค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักเบรกจนกว่าจะลดความเร็วได้ตามต้องการ
- จัดท่าทางร่างกายให้เหมาะสม : เมื่อลดความเร็วได้ตามต้องการแล้ว ให้เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าโค้งโดยการจัดท่าทางการนั่งที่ถูกต้อง ย้ายสะโพกไปฝั่งที่จะเข้าโค้ง และลดน้ำหนักตัวลงเพื่อช่วยเพิ่มการยึดเกาะของยาง
- เชนเกียร์ลง (หากจำเป็น) : หากคุณกำลังใช้เกียร์สูงและจำเป็นต้องลดความเร็วมาก ควรลดเกียร์ลงให้สัมพันธ์กับความเร็วขณะนั้น การลดเกียร์จะช่วยเพิ่มการเบรกจากเครื่องยนต์ หรือ เอ็นจิ้นเบรก และเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการออกจากโค้ง
- มองไปที่ทางออกโค้ง : การมองที่ทางออกของโค้งจะช่วยให้คุณคาดคะเนแนวทางของรถและปรับการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าจ้องที่จุดเบรกหรือโค้งมากเกินไปเพราะอาจทำให้เสียสมาธิ
- ควบคุมความสมดุลของรถ : พอเริ่มเข้าโค้งแล้ว ให้ลดแรงเบรกลงและเริ่มควบคุมการบิดคันเร่งเบา ๆ เพื่อรักษาสมดุลของรถ อย่าเปิดคันเร่งแรงเกินไปขณะที่ยังอยู่ในโค้ง เพราะอาจทำให้เสียการยึดเกาะและลื่นล้มได้
และนี่ก็คือสิ่งเล็ก ๆ สำคัญอีกหนึ่งจุดที่อยากให้เหล่านักบิดไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก๋า ได้ใส่ใจในจุด ๆ นี้ ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องระยะเวลาต่อรอบแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยแถมยังเพิ่มระดับการขับขี่ให้สนุกไปอีกขั้น แค่นั้นยังไม่พอยังเพิ่มทักษะให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลจาก อ.เป็ด วรวุฒิ พุทโธ โค้ชชำนาญการด้านการขับขี่บิ๊กไบค์จากยามาฮ่า ที่เป็นแหล่งจุดประกายสำหรับบทความดี ๆ ในคอลัมน์นี้ ให้ผู้ชมได้อ่านกัน สำหรับบทความสาระน่ารู้จะเป็นเรื่องอะไรต่อไป ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ
ปล.อนุญาตประชาสัมพันธ์ สำหรับนักบิดท่านไหนที่สนใจอยากร่วมงานแทร็กเดย์สนุก ๆ กับ SuperbikeMag Trackday&Trophy 2024 สนามที่ 3 วันที่ 22-24 พ.ย. 67 นี้ ก็อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาเจอกันที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ คลิ๊กที่นี่ (แนบลิ้งค์) https://www.facebook.com/TrackdayThailand
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก