2025 Can-Am Pulse
เน็กเก็ดไบค์ไฟฟ้ารุ่นแรก พร้อมให้จองแล้ว
เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของวิวัฒนาการในสังคมยุคใหม่ โดยเฉพาะในตลาดสองล้อที่ทางผู้ผลิตหลาย ๆ ค่าย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศและปรับตัวให้เป็นไปตามยุคสมัย และเพื่อการลดก๊าซคาร์บอนจากควันไอเสียในเครื่องยนต์สันดาปปรับมาใช้พลังงานทางเลือกใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ อาจได้เห็นผลิตภัณฑ์สองล้อพลังงานไฟฟ้าจากหลากแบรนด์หลายค่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงในเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์นั้นก็ถูกพัฒนาปรับไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน
อย่างล่าสุดกับผู้นำด้านรถ ATV สัญชาติแคนาดาอย่าง Can-Am ได้ทำการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 รุ่นใหม่อย่าง Can-Am Pulse 2025 และ Can-Am Origin พร้อมให้สั่งจองออนไลน์ล่วงหน้าแล้ว
หนึ่งในโฉม 2 รุ่นที่อยากกล่าวถึงเป็นอันดับแรกก็คือเจ้า Can-Am Pluse โรดสเตอร์ไบค์ที่มาพร้อมกับความล้ำสมัย และให้ความแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ กับดีไซน์ในลักษณะสไตล์รถเน็กเก็ดไบค์ สวมไฟหน้า LED บิวอินต์ไปที่หน้ากรอบด้านหน้า พร้อมออกแบบตัวถังปาดเหลี่ยมมุมพร้อมโลโก้แบรนด์ ดูมีเอกลักษณ์ และวาดองศาจากตัวถังผ่านเบาะโดยสารไปจนถึงด้านท้ายให้ดูมีระดับเป็นระนาบเดียวกัน และยังเสริมลักษณะการขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยแฮนด์ทรงยกสูง กระจกข้างบริเวณปลายแฮนด์ ที่ให้มิติการขับขี่ที่ดูสะดวก และเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Rotax E-Power
พร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Rotax E-Power ส่งกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลัง ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยให้พละกำลังสูงสุด 47 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 72 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ สามารถทำท็อปสปีดราว ๆ เกือบ 130 กม./ชม และยังเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 ม.ที่ 3.8 วินาที โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 8.9 kWH สามารถวิ่งได้ถึง 160 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งยังรองรับการชาร์จแบบ 2 ระดับ โดยใช้เวลาเพียง 1 ชม. 30 นาที สำหรับการชาร์จระดับ 2 (เครื่องชาร์จออนบอร์ด) และ 5 ชม. 15 นาที สำหรับการชาร์จระดับ 1 (ชาร์จในบ้านหรือที่พักอาศัย)
หน้าจอสี TFT Display ขนาดใหญ่
พ่วงมาพร้อมระบบการขับขี่ Riding Mode ถึง 4 โหมดได้แก่ (Normal, ECO, Rain, and Sport+) ให้ผู้ขับขี่ปรับได้ตามสถานการณ์การใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และยังเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ด้วยระบบแทร็กชันคอนโทรล ระบบแอนตี้ล็อกเบรกกิ้งหรือ ABS ติดมาไว้ในรุ่นนี้อีกด้วย และนอกจากนี้ยังติดตั้งจอทัสกรีนขนาด 10.25 นิ้วสามารถเชื่อมต่อข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Apple CarPlay และ BRP Connect สามารถฟังเพลงและรับสายโทรศัพท์รวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมาย
ทั้งยังอัดแน่นด้วยระบบช่วงล่างกับโช้คหน้าหัวกลับ KYB ขนาด 41 มม. พร้อมระยะยุบ 140 มม. ส่วนด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวจาก Sachs ระยะยุบ 140 มม. ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มเดี่ยว สามารถปรับพรีโหลดได้ ส่วนเรื่องระบบเบรกใช้เป็นจานดิสก์ขนาด 320 มม. และ 240 มม.ใช้คาลิเปอร์เบรก J.Juan ทั้งหน้า-หลัง โดยด้านหน้าเป็น 2 ลูกสูบ ด้านหลังลูกสูบเดียว สวมล้อและยางมาขนาดที่ 110/70 R17 และ 150/90 R17 ตามลำดับ โดยมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 177 กก.
เปิดให้พรีออเดอร์แล้ว
โดยสีที่เปิดราคาพรีออเดอร์มี 2 สีด้วยกันได้แก่ สีขาวและสีเทา/ดำ ขายราคาอยู่ที่ 13,999 ดอลล่าร์หรือราวๆ 3.5 แสนบาท และรุ่นแต่งกับ Pulse ‘73 กับสีที่จำหน่ายได้แก่ สีเทา โดยเปิดราคาพรีออเดอร์อที่ 15,999 ดอลล่าร์ หรือราว ๆ 4 แสนบาท นับว่าเป็นโมเดลที่ล้ำสมัยและเหมาะกับไบค์เกอร์ยุคใหม่ ๆ ที่จะมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซักคันไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก