รีวิว Vespa S125 i-Get 2024 เล็กแต่แรง ถูกใจสายคล่องตัว

Joe Superbike

รีวิว Vespa S125 i-Get 2024 เล็กแต่แรง ถูกใจสายคล่องตัว

รีวิว Vespa S125 i-Get 2024
รีวิว Vespa S125 i-Get 2024 (คันขวา)

หลังจากทำการรีวิวและทดสอบโมเดลเวสป้าอย่าง Vespa Sprint S150 i-Get ABS 2024  ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในบทความการรีวิวครั้งนี้ เรามาพูดถึงรุ่นน้องคนเล็กในตระกูลไฟเหลี่ยมอย่าง Vespa S125 i-Get 2024 กันบ้าง สำหรับใครที่กำลังมองหารถเวสป้าทรงสปอร์ตไซส์เล็กพริกขี้หนู ที่มาพร้อมกับความทันสมัยและน่าขับขี่ใช้งาน รุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับชาว VESPISTI หน้าใหม่เลยไม่น้อย แล้วเพราะอะไรไปดูกัน

ดีไซน์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

น้องเล็กตระกูลไฟเหลี่ยม

อย่างที่รู้กันดีว่าโมเดลจาก Vespa นั้นมีดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยการออกแบบที่ให้กลิ่นอายถึงความเป็นโมเดลคลาสสิกจากอิตาลี กับรูปลักษณ์ มิติตัวรถที่ดูคล้ายคลึงเหมือนโฉมรุ่นพี่ในหลาย ๆ จุด กับไฟทรงหกเหลี่ยม เนกไทด้านหน้า ปากแตร โลโก้เพลท Vespa ตามจุดต่าง ๆ หน้าจอ Dual Display ตัวบอดี้ที่เป็นเหล็กทั้งคัน ที่พักเท้า รวมถึงเส้นสายตามขอบต่าง ๆ ดูคลุมโทน และเป็นไลน์อัพเดียวกันกับรุ่นอื่น ๆ ของทางเวสป้าอีกด้วย

และพิเศษให้น้องเล็กคันนี้โดดเด่นกว่าที่เคยก็คือลวดลายกราฟิกแบบใหม่ ให้ความโฉบเฉี่ยวเป็นพิเศษ โดยใช้สีขาว ดำ แดงตัดกันบริเวณตัวถังและบังโคลนหน้า รวมถึงตัวขอบล้อที่มีการออกแบบในลักษณะเดียวกัน จึงทำให้ตัวโมเดลนั้นดูคม ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ความเป็นสปอร์ตที่ไม่เหมือนใคร

ไฟหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบ LED
ช่องเก็บของด้านหน้า
ช่องเสียบ USB Type A
เบาะหนังสีดำ
ช่องเก็บของใต้เบาะ

ต่อด้วยที่ระบบไฟส่องสว่าง กับไฟหน้าและไฟท้ายถูกใช้เป็นแบบ LED ขณะที่ไฟเลี้ยวยังคงเป็นหลอดฮาโลเจนแบบดั้งเดิมอยู่นั่นเอง ถัดมาคอนโซลกลางจะพบกับช่องใส่ของขนาดย่อม พร้อมกับช่องเสียบ USB Type A มาให้หนึ่งจุดบริเวณฝั่งซ้าย สวมที่แขวนของทั้งด้านหน้าและใต้เบาะเพื่อรองรับใช้งานนั่นเอง ถัดมาโซนโดยสารกันบ้าง มีวัสดุเบาะหนังสีดำติดมาให้สวยงาม สามารถเปิด-ปิดเบาะ โดยใช้กุญแจไขบริเวณด้านข้าง และติดมือจับคนซ้อนมาให้ใช้งานอีกด้วย สำหรับช่องเก็บของใต้เบาะนั้นให้มาสมส่วนกับพิกัดรุ่นนี้ สามารถใส่หมวกกันน็อกได้ครึ่งใบรวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ให้ใช้งานได้ตามต้องการ และถังน้ำมันติดมาให้ขนาด 7 ลิตร

ควบคุมง่าย น้ำหนักเบา

ด้วยรูปร่างที่เป็นมิตร และน้ำหนักตัวเพียง 120 กก. จึงทำให้เหมาะกับมือใหม่หรือชาวก๊วน VESPISTI ที่ชอบคันเล็กแต่แรง เพราะด้วยความสูงของตัวรถที่ไม่มากนักบวกกับท่านั่งขับขี่ที่ค่อนข้างสะดวกสบาย ควบคุมได้ง่าย ไม่ปวดหลัง ประกอบกับพื้นที่ของตัวฟุตบอร์จให้มาค่อนข้างกว้าง

สำหรับแอดมินที่มีส่วนสูงอยู่ที่ 175 ซม. นั่งแล้วเข่าไม่ชนด้านหน้า แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ที่ขายาวจริง ๆ สามารถขยับตัวมาด้านหลังซึ่งช่วยได้ในส่วนนี้ ส่วนระยะแฮนด์หรือมุมมองการขับขี่ต่าง ๆ คงไม่ต้องอธิบายดีเทลอะไรมากนัก เพราะตัวโมเดลเป็นรุ่นพิกัดในเริ่มต้น ดังนั้นอะไรหลาย ๆ อย่างที่ออกแบบมานั้นค่อนข้างใช้ได้อยู่แล้ว ตามคอนเซ็ปต์ Easy Use ให้กับผู้ใช้งานนั่นเอง 

เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ตัวโมเดลนั้นออกแบบมาเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมยิ่งเข้ากับคนยุคใหม่ได้หลากหลายประเภท โดยเฉพาะสายแฟชั่น ตัวโมเดลจะยิ่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย อย่างที่แอดมินได้กล่าวไปในคลิปรีวิว (แนบลิ้งค์) ไม่ว่าคุณจะเป็นขาแว้น หรือจิ๊กโก๋ทรงซิ่ง แค่คุณขี่เวสป้าคุณก็ดูดีไปอีกระดับแล้ว แล้วถ้ายิ่งเป็นวัยรุ่นอิตาลีแล้วหล่ะก็…

เครื่องยนต์ i-GET ตามฉบับรถอิตาลี

เครื่องยนต์ i-Get 124.5 ซีซี

สำหรับเครื่องยนต์เป็น i-Get สูบเดียว ขนาด 124.5 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ใช้ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 10.3 แรงม้าที่ 7,600 รอบ พร้อมแรงบิดที่ 10.2 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ ซึ่งมีพละกำลังเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ก็ไม่ได้จัดจ้าน ด้านเครื่องยนต์ของตัวรถให้ฟีลถึงความนุ่มนวล มีความโฟลว์ตั้งแต่การออกตัวไปจนถึงรอบสูง ๆ ในความเร็วที่ 100 กม.ต้น ๆ/ชม. ถือว่าเพียงพอใช้งานและค่อนข้างโอเค

นอกจากนี้สิ่งที่สัมผัสได้จากการขับขี่ของรถรุ่นนี้นั้นก็คือ คาแรคเตอร์เครื่องยนต์ของมัน ด้วยลักษณะเครื่องยนต์ในรหัส  i-Get ที่ค่อนข้างให้เสียงที่เบา บวกกับฟีลลิ่งการขับขี่ที่นุ่มนวลและสไตล์ตัวรถ มันจึงทำให้ดู “ตรง” กับคอนเซ็ปต์ และไม่ทิ้งกรอบ ถ้าให้เทียบคงเปรียบเสมือนรถประเภทซูเปอร์คาร์ยังไงก็คือซูเปอร์คาร์แบบนั้น ซึ่งมันมีอะไรที่ “มากกว่า” ความเร็วนั่นเอง

ระบบช่วงล่างใหม่

โช้คหน้าแขนเดี่ยว
เพิ่มความสปอร์ต
ด้วยคอยล์สปริงสีแดง

โช้คเดี่ยวด้านหลัง ปรับได้ 4 ระดับ

พร้อมระบบช่วงล่างกับโช้คหน้าแขนเดี่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย และที่เด็ด ๆ เลยก็คือตัวสปริงโช้คสีแดงเด่น ๆ ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ให้เป็นรถสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยโช้คเดี่ยวด้านหลัง สามารถปรับได้ถึง 4 ระดับ ส่วนระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกขนาด 220 มม.ขณะที่ด้านหลังเป็นดรัมเบรก พร้อมล้อแม็กดีไซน์ก้านคู่โดยด้านหน้ามีขนาด 11 นิ้ว ล้อหลัง 10 นิ้ว และรัดด้วยยาง Tubeless มาให้ที่ 110/70 และ 120/70 นั่นเอง

ในขณะที่ช่วงล่าง ภาพรวมถือว่าตอบโจทย์ ตรงตามมาตรฐานการใช้งาน ถ้าหากขับขี่ใช้งานทั่วไป ขี่ไปเรียน ขี่ไปทำงาน ส่วนนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ส่วนตัวที่ขี่คือ ซิ่ง ๆ แว้น ๆ เลย (แอดมินเด็กแว้น) อาจจะต้องมีปรับบ้างนิดหน่อยให้ลงตัว ถ้าหากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Sprint S150 โฉมรุ่นพี่จะให้ความนิ่งกว่า แต่นั่นแหล่ะครับ ถ้าไม่ได้ขี่แบบซิ่ง ๆ มันก็ใช้งานได้ดีทีเดียว ต่อให้ออกทริปไกลก็ยังน่าใช้

หน้าจออนาล็อก + LCD

สำหรับฟีเจอร์การใช้งานที่เห็นหลัก ๆ ก็คือหน้าจอ Dual Display ที่บอกฟังก์ชันครบครัน และยังสามารถปรับเซ็ตค่าทริปได้ โดยบังคับที่ปุ่มโหมดด้านข้าง ช่องชาร์จไฟ USB สามารถชาร์จอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ ได้ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน

รุ่น S125 i-Get ABS 2024 มีจำหน่ายทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Green Tenace, Yellow Curioso,Grey Materia และ White Innocenza โดยเปิดราคาที่ 105,900 บาท พร้อมให้ VESPISTI ชาวไทยเตรียมโลดแล่นไปด้วยกัน และเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของ เวสป้าทุกโมเมนต์ตลอดทั้งปี ได้ที่ LINE OA @VESPATHAILAND และ www.vespa.co.th หรือ ดีลเลอร์ใกล้บ้าน

สุดท้ายนี้อยากจะฝากน้องเล็กสายสปอร์ตอย่าง VESPA S ไว้พิจารณากับรถไซส์พิกัดเริ่มต้นที่ราคาไม่แพงมากนัก กับความพรีเมียม หรูหรา ที่ได้มา ให้คุณเป็นวัยรุ่นอิตาลีได้อย่างเต็มตัว ขี่แล้วไม่มีเขินอายแน่นอน สำหรับโมเดลรุ่นต่อไปจะเป็นรุ่นอะไรจากทางเวสป้าก็อย่าลืมติดตาม SuperBike กันด้วยนะครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

XMAX แต่งล้อฟอร์จมันโหล ลองดูล้อคาร์บอนหน่อยมั้ย

เบื่อจริงๆ จะแต่ง XMAX ทั้งที เอะอะก็ให้ใส่ล้อฟอร์ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version