รีวิว Triumph Scrambler 400X พิกัดนี้ ไซส์เล็ก น่าโดน..!!

Joe Superbike

รีวิว Triumph Scrambler 400X พิกัดนี้ ไซส์เล็ก น่าโดน..!!

รีวิว Triumph Scrambler 400X

หลังจากที่ทดสอบเจ้า Speed 400 ไปแล้วก็ไม่รอช้า ลุยทำการทดสอบต่อเนื่องกับ รีวิว Triumph Scrambler 400X สแครมเบลอร์น้องเล็กจากค่ายผู้ดี โดยรอบนี้มีการเพิ่มรูททางฝุ่นให้ได้ลองรีดสมรรถนะตัวรถแบบเต็มพิกัด จะเป็นอย่างไร ไปดูกัน

โมเดลน้องเล็ก ในตระกูลสแครมเบลอร์

ไทรอัมพ์ สแครมเบลอร์ 400X

สำหรับเจ้าสแครมเบลอร์ 400X ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นสำหรับน้องเล็กในตระกูลสแครมเบลอร์จากทางค่าย ด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ที่มีความเป็นเรโทรทั้งไฟหน้าทรงกลม ถังน้ำมันทรงหยดน้ำพร้อมลวดลายกราฟิกแบบ Scrambler เบาะหนัง 2 ตอนและมือจับคนซ้อน รวมทั้งเฟรมถักและซับเฟรมท้ายที่ใช้ท่อเหล็กไฮบริดสไปน์และสวิงอาร์มคู่อลูมิเนียม

ลวดลายกราฟิกแบบเดียวกันกับรุ่น 1200 ไฟทรงกลม LED ติดตั้งมาพร้อมการ์ดไฟหน้า
การ์ดแฮนด์ รวมแฮนด์ ไฟ้ทาย LED พร้อมมือจับคนซ้อน
เบาะแบบ 2 ตอน ปลายท่อคู่ทรงสแครมเบลอร์
หน้าจอเรือนไมล์อนาล็อก-ดิจิทัล

รวมถึงที่ค้ำแฮนด์พร้อมแท่นรอง บังโคลนหน้าที่ยาวขึ้น แป้นเบรกเหล็กขนาดใหญ่ และที่พักเท้าแบบยึดเกาะสูง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงและกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น 400 จึงทำให้ได้ตำแหน่งการยืนขี่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อขี่แบบออฟโร้ด และคอมพาวด์ของผ้าเบรก ที่ได้รับการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพการเบรกได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เครื่องยนต์ TR Series พิกัด 400 ซีซี

เครื่องยนต์ TR Series

ในส่วนของตัวเครื่องยนต์จะใช้บล็อกเดียวกันกับเจ้า Speed 400 กับเครื่องยนต์รหัส TR Series สูบเดียว 4 วาล์ว ขนาด 398.15 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว พร้อมระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์จาก Bosch ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Euro 5 ระบบเกียร์ 6 สปีด ควบคุมโดยคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire ซึ่งกำลังของเจ้าเครื่องยนต์รุ่นนี้ให้แรงม้าสูงสุดที่ 40 แรงม้าที่ 8,000 รอบ แรงบิดสูงสุดที่ 37.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร 

ช่วงล่างนุ่มนวล

โช้คหลัง Monoshock ปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ

สำหรับระบบช่วงล่างที่มีการปรับระยะยุบให้มากกว่าโฉมของเจ้า Speed 400 เพื่อรองรับการขับขี่ทางฝุ่นมากยิ่งขึ้น ด้วยโช้คหน้าหัวกลับขนาดแกน 43 มม.ระยะยุบที่ 150 มม. ส่วนด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ โดยมีระยะยุบที่ 150 มม. เช่นเดียวกัน

ปั๊มเบรก 4 พอทจาก Bybre

ด้านระบบเบรกกับดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหน้าขนาด 320 มม. ปั๊มเบรกเรเดียลเม้าท์ 4 พอต ด้านหลังจะใช้ดิสก์เบรกขนาด 230 มม.พร้อมปั๊มเบรกแบบลอยตัว อีกทั้ง ยังมาพร้อมกับระบบ ABS Dual Channel ช่วยลดระยะการเบรกให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ต่อด้วยล้อแม็กสีดำ หน้า-หลัง ขนาด 19 นิ้ว และ 17 นิ้ว ตามลำดับ เสริมด้วยยางกึ่งทางเรียบ/วิบาก ยางหน้าขนาด 110/90 และยางหลังขนาด 140/80

มีแทร็คชันคอนโทรล และ ABS สามาเปิด-ปิดได้ เหมาะกับสายลุย

ปรับโหมดฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านหน้าจอ ช่องเสียบ USB Type C

ยังมาพร้อมกับระบบฟีเจอร์ทั้งหน้าจออนาล็อก-ดิจิทัล USB Type C บริเวณด้านข้างของตัวเรือนไมล์ ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน ระบบแทร็คชันคอนโทรลที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ เมื่อต้องการใช้งาน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานอีกด้วย

ทรงดี ขี่ง่าย สไตล์สแครมเบลอร์

สำหรับเจ้าสแครมเบลอร์ 400X ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แอดมินได้มีโอกาสร่วมทดสอบในครั้งนี้ อย่างแรกเลยมิติรูปทรงของเจ้าสแครมเบลอร์ 400X จะมีขนาดที่สูงกว่า กว้างกว่าและยาวกว่าเจ้าสปีด 400 สำหรับท่านั่งขับขี่ เท้ายันถึงพื้นทั้งสองข้าง ถึงจะมีการปรับความสูงเบาะขึ้นมาจาก 790 มม.อยู่ที่ 835 มม. ซึ่งคนที่สูงมากกว่าแอดมิน (175 ซม.ขึ้นไป) ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่อย่างที่กล่าวไปในบทความรีวิวเจ้าสปีด 400 สำหรับคนที่ส่วนสูงซัก 165 ซม. อาจจะต้องใช้ทักษะการคร่อมรถซักเล็กน้อย แต่ถือว่าไม่แตกต่างกับโฉมโมเดิร์นคลาสสิกมากนัก

สำหรับตัวแฮนด์ที่ยกสูงแต่เมื่อลองขับขี่แล้วกลับรู้สึกว่าเจ้าโมเดลรุ่นนี้ ขี่สบาย แถมระยะแฮนด์ที่ทำให้มีความรู้สึกมั่นคง บวกกับตัวเบาะที่พอนั่งแล้วอาจจะดูสูงกว่ารุ่น 400 เล็กน้อย และยังมีขนาดกว้างที่ทำให้นั่งสบาย โดยระยะห่างจากแฮนด์ถึงตัวเบาะก็ไม่ห่างมาก แถมตำแหน่งพักเท้าที่ทำให้ท่านั่งการขับขี่นั้นดูสมูท และยังให้ฟีลลิ่งที่สนุกสำหรับการยืนขี่ในทางออฟโร้ดอีกด้วย โดยส่วนตัวถือว่าชอบ เหมือนกับว่าโมเดลรุ่นนี้มีการเพิ่มฟังก์ชันสำหรับขี่ลุยทางฝุ่นนั่นเอง

ลุยสนุก ตอบโจทย์

มาดูต่อกันที่ตัวเครื่องยนต์ที่ให้อัตราเร่งในรอบต้นและรอบกลางได้ดีเลยทีเดียว ถึงจะเป็นบล็อก TR-Series แบบเดียวกันกับเจ้าสปีด 400 แต่พอมาอยู่ในรุ่นแสครมเบลอร์ ถือว่าทางค่ายทำออกมาได้อย่างลงตัวมาก ด้วยแรงบิดที่ 37.5 นิวตันเมตร มาที่ 6,500 รอบ

บวกกับคันเร่งไฟฟ้าบอกได้ว่าบิดสนุก เสริมด้วยระบบแทร็กชันคอนโทรลและระบบ ABS ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ ทำให้การขับขี่ในเส้นทางสมบุกสมบันหรือทางออฟโร้ดนั้นนุ่มนวลและขี่ง่าย ถือเป็นจุดเด่นเฉพาะของโมเดลรุ่นนี้เลยก็ว่าได้

มั่นใจด้วยระบบช่วงล่าง ที่พร้อมลุยในทุกเส้นทาง

สำหรับฟีลลิ่งช่วงล่างกับโช้คหน้าหัวกลับ และโช้คหลังแบบเดี่ยว โดยให้ระยะยุบเท่ากันที่ 150 มม. ซึ่งหลังจากที่ลองขับขี่ผ่านช่วงรอยต่อถนน หรือพวกหลุมทราย ตัวโช้คนั้นให้ความนุ่มนวลซับแรงกระแทกได้ดี บวกกับล้ออลูมิเนียมอัลลอยและยางขนาด 110/90-19 และล้อหลัง 140/80-17 ที่ทางโรงงานปรับเซ็ตมาให้นั้นสามารถตอบโจทย์สายลุยได้อย่างแน่นอน

ทางด้านระบบเบรก กับของดิสก์เบรกด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 300 มม.เป็น 320 มม. มั่นใจมากกว่าเดิมแน่นอน ปั๊มเบรก 4 พอทแบบเรเดียลเม้าท์ ทำให้เบรกได้ดั่งใจยิ่งขึ้น ด้านหลังจะใช้ดิสก์เบรกขนาด 230 มม.พร้อมปั๊มเบรกแบบลอยตัว อีกทั้ง ยังมาพร้อมกับระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง

สี Matt Khaki Green/Fusion White
สี Carnival Red/Phantom Black
สี Phantom Black/Silver Ice

โดยเจ้า Scrambler 400X มีจำหน่ายทั้งหมด 3 สีได้แก่ สี Matt Khaki Green/Fusion White, สี Carnival Red/Phantom Black และสี Phantom Black/Silver Ice โดยเปิดราคาแนะนำอยู่ที่ 179,900 บาท พร้อมรับประกันเช็คระยะฟรี 16,000 กม./12 เดือน หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก่อน บริการเรียกรถฉุกเฉิน 2 ปี หรือ 24 เดือน 

หากเทียบราคากับรุ่น Speed 400 โมเดลรุ่นนี้จะมีราคามากกว่า 2 หมื่นบาทแต่สิ่งที่ได้มาถือว่าคุ้มค่าไม่แพ้เช่นกัน ทั้งยางแบบสองประสงค์ที่สามารถวิ่งทางดำก็ได้ วิ่งทางฝุ่นก็ดี บวกของแต่ง ลวดลายกราฟิก รวมทั้งฟังก์ชันที่รองรับการขับขี่ในเส้นทางออฟโร้ดในรุ่นนี้ แบรนด์นี้กับราคานี้ บอกเลยว่าเหมาะสำหรับการนำมาขับขี่ใช้งานในเมือง หรือจะขี่ลุยทางฝุ่นก็ย่อมได้ ไม่เลือกแล้วจะผิดหวังนะจ๊ะ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

ZX-14R 2024 อิดิชันพิเศษ ฉลองครบรอบ 40 ปี

ZX-14R 2024 อิดิชันพิเศษ ฉลองครบรอบ 40 ปี สำหรับบท […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version