Levis กลับมาผลิตมอเตอร์ไบค์อีกครั้ง โดยเริ่มต้นด้วยโมเดลที่โดเด่นและแปลกใหม่อย่าง V6 Café เป็นความคิดของวิศวกรยานยนต์ 2 คนที่นำเอาความฝันของพวกเขามาปลุกผีแบรนด์อังกฤษที่ตายไปแล้วให้ลุกขึ้นมาพร้อมก้าวไปอีกขั้น ด้วยรถต้นแบบคันที่คุณเห็นอยู่นี้ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่าง
หากพูดถึงมอเตอร์ไซค์ Levis นั้นคงต้องย้อนไปถึงปี 1911 ตอนที่รถ 2 จังหวะครองถนนและสนาม กระทั่งเคยชนะการแข่งขัน Isle of Man TT ในปี 1920 ด้วย แต่ธุรกิจกลับไม่เคยดีขึ้นเลยหลังจากเผชิญสงครามโลกจนต้องปิดไปในปี 1946 และแบรนด์นี้ก็เงียบหายไปนาน 70 ปีจนกระทั่ง Phil Bevan ดีไซเนอร์ด้านยานยนต์ได้ซื้อชื่อมาและร่วมกับ Steve Kirk หัวหน้าฝ่ายออกแบบก็จัดการออกแบบรถขึ้นมาโดยอาศัยเครื่องยนต์ของรถยนต์ที่พวกเขามี
“ผมนึกขึ้นได้ว่าเรามีเครื่องยนต์ V10 ขนาด 2,000 ซีซีอยู่และมันมีระยะห่างของแต่ละสูบตามขวาง 13 นิ้วเอง” Bevan พูดตอนเดือนมกราคม “ผมก็เลยตอบไป…เข้ งั้นเรามาทำรถมอเตอร์ไซค์กัน
หลายเดือนต่อมาก็ได้เห็นความก้าวหน้าเป็นรูปเป็นร่าง รวมไปถึงรถต้นแบบของโมเดลแรกของค่ายด้วย มันชื่อว่า Café Racer หัวใจหลักของรถคือเครื่อง V6 มุมแคบขนาด 1,200 ซีซีถูกวางลงบนเฟรมตามขวางเหมือนกับ Moto Guzzi อย่างไรก็ดีมุมสูบวีของมันนั้นแคบเพียง 22 องศา พร้อมกับลำดับการจุดระเบิด 1-2-3-4-5-6 ซึ่งไม่ปกติอย่างมาก ทำให้เครื่องยนต์นั้นสมู้ทจนน่าทึ่งแบบที่ไม่ต้องใช้บาลานเซอร์ชาฟต์
“ด้วยสูบวีที่ทำมุมกันแคบๆ และลำดับการจุดระเบิดของเรา มันเลยฟังดูคล้ายกับ Harley 3 คันเดินเครื่องพร้อมกัน” Bevan บอก “การพัฒนาเครื่องยนต์เป็นไปได้ด้วยดีและเราตั้งเป้าที่จะรีดแรงม้าสูงสุดไว้ที่ราวๆ 120 ตัว” และนอกจากการพัฒนาเครื่องยนต์แล้ว Levis ยังพัฒนาเฟรมสเตนเลสสตีลอีกด้วย “หลังจากลองผิดลองถูกหลายครั้ง เฟรมแรกของเราก็เริ่มที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตแล้ว” Bevan พูดเสริม “พวกมันใกล้เคียงกับความตั้งใจแรกของศิลปิน แต่พวกมันถูกดัดแปลงเพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของเจ้าของรถได้ง่าย”
การทำให้เฟรมมีความยืดหยุ่นมีประโยชน์กับแผนของ Levis ที่จะผลิตมอเตอร์ไซค์ 5 โมเดลด้วยกัน โดยจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทั้งหมด โดยจะมีโมเดลอื่นๆ เช่น Urban Roadster และ Flat Tracker ถูกผลิตออกมาตามหลังเจ้า Café Racer และจะมีอีก 2 สปอร์ตโมเดลตามมาหลังจากนั้นอีก
ทั้งนี้ Levis ตั้งเป้าที่จะดำเนินการผลิตเต็มกำลังในเดือนมีนาคม 2019 โดยสนนราคาของ Café Racer จะขึ้นอยู่กับสเป็กที่ลูกค้าระบุ แต่จะเริ่มต้นที่ราวๆ 4.4 ล้านบาท ส่วน Urban Roadster จะเริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาท