รีวิว Zontes 350E บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ไม่ได้มีแค่ความแรง

Joe Superbike

รีวิว Zontes 350E บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ไม่ได้มีแค่ความแรง

รีวิว Zontes 350E

ในชั่วโมงนี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ กับความตื่นตาตื่นใจในรูปโฉมดีไซน์และสมรรถนะของรถจักรยานยนต์จากแบรนด์น้องใหม่อย่าง Zontes 350E และ 350D สองพี่น้องแฝดคนละฝาที่พึ่งเปิดตัวมาพร้อมกันแบบสด ๆ ร้อน ๆ และพร้อมที่จะมาเขย่าวงการสองล้อโดยเฉพาะทางฝั่งบิ๊กสกู๊ตเตอร์คลาส 300 – 350 ซีซีที่กำลังห่ำหั่นอย่างดุเดือดใน ณ นาทีนี้ รวมถึงคอนเซ็ปต์ติดหูอย่าง “แรงสุดในคลาส” จึงเป็นวลีที่ทำเอาเหล่าสาวกบิ๊กสกู๊ตเตอร์ต่างมาให้ความสนใจกันเลยไม่น้อยทีเดียว 

และเนื่องด้วยโอกาสการเปิดตัวแบรนด์ “ครั้งแรก” ในประเทศไทย ทางค่ายเองก็พร้อมที่จะส่งโมเดลมาให้พวกเราทีมงาน SuperBike Thailand ได้ รีวิว Zontes 350E รุ่นแรกคันนี้ จะเป็นอย่างไร ไปติดตามชมกัน

แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่เหล่าไบค์เกอร์ทั่วโลกต่างยอมรับ

แต่ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นที่มาของแบรนด์กันซักหน่อย เผื่อรู้จักและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สำหรับค่ายรถจักรยานยนต์ Zontes นั้นเป็นค่ายรถจักรยานยนต์ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนนับตั้งแต่ปี 2003 โดยปัจจุบันก็มีอายุมาอย่างยาวนานแล้วกว่า 20 ปี ประกอบกับมีสาขาจำหน่ายสินค้าครอบคลุมกว่า 71 สาขาทั่วโลก

ซึ่งจุดเด่นของค่ายรถแบรนด์นี้ถือว่าเป็นค่ายรถระดับยักษ์ใหญ่ที่ใช้ Manpower หรือบุคลากรที่มีความสามารถร่วมพัฒนาโปรดักท์ ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน รวมถึงอะไหล่และชิ้นส่วนพาร์ทต่าง ๆ เป็นงานที่ถูกผลิตขึ้นจากการคำนวณสัดส่วนต่าง ๆ ด้วยเครื่องจักรกลอัตโนมัติเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงกล้ารับประกันและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่าอะไหล่ทุกชิ้นจากโรงงานผ่านคุณภาพตรงตามมาตรฐานอย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ทางบริษัท ไดนามิค มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Zontes เพียงรายเดียวในไทย รวมไปถึงแบรนด์รถจักรยานยนต์จากยุโรปอย่าง Lambretta, Malaguti และ Peugeot Motocycles พร้อมมาการันตีอีกขั้นด้วยว่า ทั้งพาร์ท ชิ้นส่วนต่าง ๆ และกระบวนการประกอบตัวรถในทุกขั้นตอน จะถูกผ่านการตรวจสอบโดยวิศวกรจากบริษัทแม่ เพื่อให้ได้สเปกตรงตามมาตรฐานโรงงาน จึงมั่นใจในเรื่องของ Quality Product พร้อมทั้งยังเสริมความเชื่อมั่นในเรื่องการบริการเซอร์วิสหลังการขาย โดยลูกค้าสามารถเข้ารับบริการเซอร์วิสได้ที่ศูนย์บริการในเครือของไดนามิค มอเตอร์ ที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ

ดีไซน์สปอร์ต มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Luxury Style

ประเดิมรุ่นแรกกับบิ๊กสกู๊ตเตอร์พี่ใหญ่ทรงเบิ้มอย่างเจ้า 350E ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Luxury Style ผสมผสานกับความเป็นรถสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ด้วยมิติสัดส่วนตัวรถตั้งด้านหน้าไปจนถึงด้านท้าย พาร์ทแฟริ่งแต่ละชิ้นทำด้วยพลาสติกเกรดท็อปบวกกับงานขึ้นรูป ออกแบบให้ดูคม โฉบเฉี่ยวและยังออกแบบเส้นสายเว้าตามจุดต่าง ๆ เสริมการไหลเวียนของทิศทางลม ในเวลาขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

และสิ่งพิเศษในหลาย ๆ จุดกับความ All New ของโมเดลรุ่นพี่ 350E รุ่นนี้ก็คือ ระบบไฟส่องสว่างที่ไม่เหมือนใคร ทั้งไฟหน้าขนาดใหญ่ออกแบบโดยติดตั้งไฟโปรเจคเตอร์ด้านในเรียงซ้อนถึง 6 ดวง ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์จัดทรงตวัดเฉียงขึ้น ไฟเลี้ยวบิวต์อินเข้าไปบริเวณด้านหน้า ขณะที่ไฟท้าย ไฟเลี้ยวและไฟเบรกด้านหลังออกแบบมาดูสวยงามไม่แพ้เช่นกัน และที่สำคัญเจ้ารุ่นนี้มีไฟหรี่ติดตั้งมาให้ (สีน้ำเงิน) โดยไฟหรี่จะทำงานต่อเมื่อเวลากดสวิตช์ออนระบบของตัวรถ เพิ่มมิติของความสปอร์ต และสวยงามอีกเท่า เชื่อว่าถ้าได้เห็นคงถูกใจอย่างแน่นอน

อีกทั้งยังสะท้อนความโดดเด่นแบบเฉพาะในหลาย ๆ จุดด้วยกัน ทั้งชิลด์หน้าขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีช่องอากาศบริเวณตรงกลางเพื่อการถ่ายเทอากาศได้ดียิ่งขึ้น สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าผ่านประกับด้านซ้าย ลวดลายกราฟิกที่ทางผู้ออกแบบได้คัดสรรมาเป็นพิเศษ ตัวเบาะขนาดใหญ่ปาด 2 ระดับ เว้าชั้นพนักพิงให้ผู้ขับขี่นั่งสบายยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีดูดซับและคืนตัวอย่างรวดเร็ว

ช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่สามารถเก็บหมวกกันน็อกไซส์เต็มใบขนาด XXL ได้ 2 ใบ
โช้คใต้เบาะ เพิ่มความสะดวกสบายไม่ต้องค้ำ
พักเท้าผู้ซ้อนแบบกดเปิด ใช้งานง่าย
ท่อไอเสียอลูมิเนียมทั้งใบใส่ครอบท่อกันความร้อน


พร้อมกับช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่สามารถเก็บหมวกกันน็อกไซส์เต็มใบขนาด XXL ได้ 2 ใบ มีแผ่นผ้ารองติดมาให้อีกชั้น สามารถถอดนำไปซักได้ บวกความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยโช้คใต้เบาะช่วยค้ำยัน ไม่ต้องเมื่อยอีกด้วย พิเศษจริง ๆ ต่อด้วยมือจับคนซ้อนขนาดใหญ่ทำจากวัสดุอลูมิเนียม ให้คุณสมบัติความแข็งแรงพร้อมทั้งแผ่นยาง เพิ่มความเกาะหนึบในการสัมผัสได้ดียิ่งขึ้น พักเท้าผู้ซ้อนแบบกดเปิด และท่อไอเสียอลูมิเนียมทั้งใบใส่ครอบท่อกันความร้อน

ลงมาดูฟุตบอร์ดด้านล่างกันบ้าง สำหรับพี่เบิ้มรุ่นนี้มีฟุตบอร์ด 2 ระดับให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามใจชอบ และที่สำคัญทางค่ายยังกระซิบดังมาอีกด้วยว่า รุ่นนี้ถึงมันจะดูค่อนข้างใหญ่ แต่คนตัวเล็ก ๆ ขี่ได้นะเอ้อ! เคล็ดไม่ลับของเขาก็คือการทำส่วนเว้าบริเวณช่วงขาให้สามารถคร่อมรถได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยปกติรถสกู๊ตเตอร์ทั่วไปพอเวลานั่งคร่อมแล้ว ช่วงขาจะกางออกเล็กน้อยมันจะติดในส่วนนี้ จึงทำให้ผู้ขับขี่ไซส์มินินั้นสามารถนั่งคร่อมได้สะดวกขึ้นนั่นเอง ไอเดียเลิศ..!!

ช่องเก็บของด้านหน้า 2 ช่องขนาดใหญ่
สามารถใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้
พอร์ตชาร์จ USB ไทป์ A และ C อย่างละหนึ่งจุดบริเวณเก๊ะด้านซ้าย

ต่อด้วยช่องเก็บของด้านหน้า 2 ช่องขนาดใหญ่ สามารถใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ ด้านในมีช่องพอร์ตชาร์จ USB ไทป์ A และ C อย่างละหนึ่งจุดบริเวณด้านซ้าย (เสริมอีกหนึ่งจุดไทป์ A บริเวณใต้จอ) ปิดท้ายด้วยถังน้ำบริเวณคอนโซลกลางขนาด 16 ลิตร

มาดูกันที่ฝั่งมุมมองผู้ขับขี่ สิ่งที่สังเกตุได้อย่างแรกคือ การ์ดแฮนด์จากโรงงาน ตัวแฮนด์บาร์ปรับระยะได้ (เฉพาะรุ่น 350E) จอสี TFT และปุ่มคอนโทรลจากประกับแฮนด์ทั้งสองข้าง โดยฝั่งซ้ายมี เบรกมือ ไฟพาส ไฟสูง-ต่ำ ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว แตร สวิตช์ปรับชิลด์หน้า ปุ่ม SET และ ปุ่ม MOD ขณะที่ฝั่งขวามีสวิตช์ออฟรัน ปุ่มสตาร์ท ปุ่มปรับโหมดขับขี่ (ECO-SPORT) สวิตช์ไฟโปรเจคเตอร์ ปุ่มสตาร์ทระบบ ปุ่มเปิดถังน้ำมันและเบาะ รวมถึงยังสามารถปรับระยะก้านเบรกได้อีกด้วย

ท่านั่งสบาย ไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด 

ถ้าพูดถึงในเรื่องของท่านั่งขับขี่ที่หลาย ๆ คนคงคิดว่าโฉมรุ่นนี้มันดูใหญ่ มันดูเทอะทะ แต่จริง ๆ พอได้นั่งแล้วรู้สึกมันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด ทั้งการวางเท้าที่สะดวก ขาแตะพื้นสบายกับคนส่วนสูง 175 ซม. สำหรับคนที่สูงซัก 155 ซม.ขึ้นไป ก็สามารถนั่งสบายเช่นกัน เนื่องด้วยทรงเบาะมีการเว้าต่ำและเว้าช่วงระหว่างขาไม่ต้องกางออก ส่วนนี้ค่อนข้างชอบและสะดวกสบายเลยทีเดียว สำหรับระยะแฮนด์นั้นไม่กว้างมาก สามารถขับขี่หมุดซอกแซกในช่วงรถติดได้ระดับนึง แต่ถ้าขับขี่จนชินมืออาจจะไปได้มากกว่านี้ 

ขณะที่มุมมองการขับขี่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด หน้าจอ กระจกข้าง ทางข้างหน้าโฟกัสได้ชัดเจน ตัวชิลด์ตัดลมได้เนียน หากรู้สึกร้อนก็ปรับลงมาหรือถ้าไม่อยากปะทะลมก็ปรับขึ้น (ปรับได้ระดับเดียว) และอีกสิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษในรุ่นนี้ก็คือเสียงไฟเลี้ยวในรุ่นนี้ออกแบบมาใหม่เสมือนเสียงไฟเลี้ยวรถยนต์นั่นเอง เสียงดังกังวานชัดแจ๋ว โดนใจสุด ๆ 

เครื่องยนต์ขนาด 349 ซีซี ให้กำลังมาเต็ม!!

ในด้านพละกำลังเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว ขนาด 349 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีขนาดลูกสูบและช่วงชัก 70 X 74.9 มม. ใช้ระบบหัวฉีดจาก Bocsh สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้าและขับเคลื่อนด้วยสายพาน CVT ให้แรงม้าสูงสุดที่ 36 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 38 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยเคลมอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมาที่ 35 กม./ลิตร แถมยังเป็นมิตรมากยิ่งขึ้นด้วยมาตรฐาน EURO5 

สำหรับฟีลลิ่งเครื่องยนต์หลังจากที่ได้ลองขับขี่ รู้สึกได้ว่ากำลังมาตั้งแต่รอบต้นเลย ตั้งแต่ออกตัวบิด 0-100 นับไม่ถึง 5 วิ มาเต็ม สำหรับรอบกลาง ๆ ไปจนถึงรอบปลายไม่มีแผ่ว ผิดคาดกับรูปร่างขนาดใหญ่ของมันไปอย่างสิ้นเชิง และด้วยกำลังมาไวตั้งแต่ช่วงรอบต้น จึงทำให้จังหวะการเร่งแซงนั้นสะดวก ไม่ต้องรอรอบมาเครื่องยนต์ก็พร้อมที่จะทะยานไปสู่เป้าหมายดั่งใจต้องการ

จึงไม่แปลกกับนิยามที่ว่า “แรงสุดในคลาส” มันใช้ได้เลยทีเดียว หมดห่วง สำหรับ Top Speed รถเดิมจากโรงงานที่เค้นไปได้มีถึง 163 กม./ชม. (เลขหน้าไมล์+ลมดันหลัง) และด้วยกำลังเครื่องยนต์มาเต็มขนาดนี้ ย่อมตอบโจทย์แก่การเดินทางได้ดี ไม่ว่าจะเป็นทริปไหน ใกล้หรือไกล Zontes รุ่นนี้ไปได้ดั่งใจหมายแน่นอน

ช่วงล่างจากสเปน เบรกหนึบ..

โช้คหน้าเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. คาลิเปอร์เดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบจากสัญชาติสเปน

ล้ออลูมิเนียมอัลลอยสีค็อปเปอร์และยางหน้าขนาดไซส์ 120/70-15

โช้คหลังสปริงคู่ปรับค่าสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ

ล้ออลูมิเนียมอัลลอยสีค็อปเปอร์และยางหลังขนาดไซส์ 140/70-14

พร้อมซับแรงพื้นถนนด้วยระบบกันสะเทือนกับโช้คหน้าเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. ด้านหลังเป็นโช้คสปริงคู่ปรับค่าสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ สำหรับระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกขนาด 268 มม. สวมคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์จาก J.Juan สัญชาติสเปน ต่อด้วยดิสก์เบรกขนาด 265 มม.ด้านหลังและคาลิเปอร์เบรกลูกสูบเดียว มาพร้อมกับระบบ ABS Dual Channel ควบคู่มากับล้ออลูมิเนียมอัลลอยสีค็อปเปอร์และยางหน้า-หลังขนาดไซส์ 120/70-15 และ 140/70-14

ในเรื่องของช่วงล่างด้วยระบบกันสะเทือนจากทางโรงงานนั้น เซ็ตค่าความหนืดมาได้ค่อนข้างโอเค ลงตัว ตัวโช้คแข็งเล็กน้อยเหมาะกับทางเรียบ แต่ทว่าวิ่งผ่านหลุมหรือร่องถนนต่าง ๆ ก็ไม่สะเทือนขึ้นมือมากมายอะไร ถ้าอยากได้แบบไหนก็สามารถปรับที่ตัวสปริงได้ ต่อมาระบบเบรกรุ่นนี้ให้มาดี ปั๊ม J.Juan จากสเปน เบรกค่อนข้างหนึบทีเดียว กดแล้ว กดอีก ไม่มีอาการเฟดให้เห็น ส่วนในเรื่องยางถือว่าให้มาตรงตามมาตรฐานใช้งานได้ ให้สมรรถนะการเข้าโค้งได้ค่อนข้างเนี๊ยบ

เทคโนยีครบสุด

อีกหนึ่งไฮไลท์ของโมเดลรุ่นนี้นอกจากในเรื่องของความแรงแล้ว เทคโนโลยีที่ติดตั้งมาให้ถือว่าครบครันสุด ๆ แรกเริ่มกันที่สมาร์ทคีย์ของเจ้ารุ่นนี้เป็นสมาร์ทคีย์ที่มีการอัปเกรดเวอร์ชันล่าสุดเป็น 3.0 (IP67) จากเดิมเวอร์ชัน 2.5 ของรุ่นสเปกต่างประเทศ สามารถกันน้ำได้ถึงครึ่งชม. ในแหล่งน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร

อีกทั้งยังเพิ่มความสวยงามด้วยดีไซน์ของตัวกุญแจที่ออกแบบมาให้ดูล้ำสมัยสุด ๆ ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ความสะดวกต่อการใช้งานก็ทำได้เช่นเดียวกัน โดยมีรัศมีระยะเซ็นเซอร์ที่ 1.5 เมตร (ห่างจากตัวรถ) หรือแม้กระทั่งแบตหมดก็สามารถใช้งานได้โดยนำสมาร์ทคีย์ไปแนบกับตัวแสกนเซ็นเซอร์ด้านในช่องเก็บของฝั่งขวา แล้วกดปุ่มออนสวิตช์ก็สามารถเปิดระบบได้ทันที

ระบบล็อกคอรถอัตโนมัติ ช่วยป้องกันการโจรกรรมและสามารถปลดล็อกคอรถได้ด้วยการกดปุ่มออน สวิทซ์ (กุญแจต้องอยุในระยะด้วยนะ)

Light Mode Dark Mode


ต่อด้วยระบบหน้าจอมีสามารถเซ็ตการแสดงผลได้ถึง 4 รูปแบบ ปรับความสว่างได้ 5 ระดับและระบบปรับความสว่างแบบอัตโนมัติทำงานด้วยเซ็นเซอร์ที่หน้าจอ นอกจากนี้ยังแสดงผลฟังก์ชันครบถ้วน อาทิ มาตรวัดความเร็ว เกย์น้ำมัน ค่าเฉลี่ยอัตราบริโภคน้ำมัน ความเร็วเฉลี่ย ทริป เวลา แบตเตอรี่ อุณภูมิ ต่าง ๆ มากมาย พร้อมด้วยโหมดปรับค่าต่าง ๆ ทั้ง โหมดปรับเปลี่ยนภาษา โหมด TPMS ตรวจวัดค่าแรงดันลมยาง ระบบแทร็คชันคอนโทรล และปรับหน่วยวัดระยะทาง

โหมด TPMS ตรวจวัดค่าแรงดันลมยาง
แอป Zontes Intelligene สามารถตรวจเช็คข้อมูลตัวรถแบบละเอียดครบถ้วน
เชื่อมต่อผ่านแอป Carbit Ride สามารถดูระบบ GPS และเล่น Youtube ผ่านหน้าจอ


และยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลตัวรถผ่านสมาร์ทโฟนได้ถึง 3 แบบด้วยกัน ดูเล่น ใช้งานกันจุก ๆ ไปเลย ซึ่งประกอบไปด้วย 1.เชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธ 2.เชื่อมต่อผ่านแอป Zontes Intelligene ซึ่งระบบตัวนี้จะสามารถตรวจเช็คข้อมูลตัวรถแบบละเอียดครบถ้วน รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รับสายโทรศัพท์ ส่งข้อความ ดูแผนที่ เช็คข้อมูล ระยะเซอร์วิสต่าง ๆ หรือเล่นมีเดียเพลย์ลิสก็ทำได้ โดยเจ้าของรถสามารถลงทะเบียนและยืนยันผ่านอีเมลล์ (สามารถโหลดผ่าน App Store และ Play Store)

3.เชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Carbit Ride สามารถดูระบบ GPS และเล่น Youtube ผ่านหน้าจอ โดยสามารถแสกนโหลดแอปได้ที่หน้าจอ และทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว (โหมด Navigation และ Music เสียค่าบริการเพิ่ม หากต้องการใช้งานฟรีให้เข้าสู่ระบบ Mirror screen และใช้งานผ่านแอป Google Map หรือ Youtube ผ่านทางสมาร์ทโฟน)

และระบบนี้รองรับความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Mirror Screen ที่จะสามารถแคสหน้าจอสมาร์ทโฟนลงไปในจอ TFT ของรถรุ่นนี้ได้ เราจะสามารถดู Youtube หรือเปิดแอพพลิเคชันต่าง ๆ ให้แสดงผลบนหน้าจอได้ ซึ่งเจ้าระบบนี้สามารถรองรับทั้งระบบ IOS และ Android (สามารถโหลดผ่าน App Store และ Play Store)

สีแดง (Ruby Red)
สีดำ (Extra Black)
สีขาว-ดำ (Light-Grey)
สีดำ-เทา (Dark Grey)

โดยเจ้า 350E รุ่นนี้มีจำหน่ายด้วยกัน 4 สีประกอบไปด้วย สีแดง (Ruby Red), สีดำ (Extra Black), สีดำ-เทา (Dark Grey) และสีขาว-ดำ (Light-Grey) สนนราคาที่ 159,000 บาท พร้อมการรับประกัน 3 ปี หรือ 30,000 กม. และกิ๊ฟวอชเชอร์มูลค่า 10,000 บาท โดยสามารถชมตัวจริงหรือทดสอบขับขี่ได้ที่ศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Zontes สาขาใกล้บ้านท่านได้เลย

ปิดท้ายกับบทสรุปสำหรับเจ้าบิ๊กสกู๊ตเตอร์พี่ใหญ่ Zontes 350E รุ่นนี้ กับดีไซน์แบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยว มีฟังก์ชันให้ใช้งานเพียบ นั่งขับขี่สบาย เหมาะแก่การขับขี่ออกทริปแบกสัมภาระติดกล่องออกเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง แม้จะไปคนเดียวก็ดูหล่อ หรือไปเป็นกลุ่มก็ดูเท่ ในสไตล์เรา เครื่องยนต์สุดในคลาสมีกำลังให้เล่นในทุกย่าน แถมไปต่อได้อีกสำหรับสายแต่ง เรื่องเทคโนโลยีมีให้ใช้เพียบ ไม่เบื่อแน่นอน กับราคา 159,000 บาท ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าในพิกัดนี้ ใครได้ไปครอบครองรับรองไม่มีวันเสียใจ หากเป็นอะไรก็สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่ศูนย์บริการ เขามีมากมายถึง 60 สาขา แวะที่ไหนก็ได้ แล้วมีอะไรหล่ะที่จะไม่คุ้ม..จริงไหม ?

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

ซื้อบัตร ThaiGP 2024 ยังไงให้ถูกที่สุด

ซื้อบัตร ThaiGP 2024 ยังไงให้ถูกที่สุด แฟน ๆ มอเตอ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version