รีวิว Keeway V302C 2024 เครื่องเซอร์สูบวี ขี่ง่าย ราคาเอื้อมถึง

Joe Superbike

รีวิว Keeway V302C 2024 เครื่องเซอร์สูบวี ขี่ง่าย ราคาเอื้อมถึง

รีวิว Keeway V302C 2024

สืบทอดตำนานความคลาสสิก โดยล่าสุดทาง Keeway Thailand ได้ทำการเปิดตัวรุ่น Keeway V302C ไปเมื่อไม่นาน และส่วนตัวได้แอบทดสอบขับขี่กันไปคร่าว ๆ แต่ยังไม่ทันจับฟีลลิ่งก็ซิ่งจนจบรูทเสียก่อน มาถึงคราวนี้ทางค่ายใจดี ให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งกับการ รีวิว Keeway V302C 2024 ครูเซอร์ไบค์พิกัด 300 ซีซี มาพร้อมเสียงอันเร้าใจด้วยขุมพลัง V-Twin และรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ปรับมาใหม่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น

ดีไซน์สวยงามในฉบับครูเซอร์

โดยรายละเอียดตัวรถถ้าหากมองคร่าว ๆ ดูแล้วชวนทำให้นึกถึงโฉมรุ่นน้องที่เปิดตัวมาก่อนอย่าง V-Cruise 125 ด้วยสไตล์ตัวรถมาในรูปแบบครูเซอร์ไบค์อย่างแท้จริง ซึ่งโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์รูปทรง 3 มิติ ติดมาพร้อมโลโก้รุ่น “BENDA” รวมทั้งสวมครอบไฟหน้า จัดแยกไฟเลี้ยวโดยยึดกับกระบอกโช้คมาให้เรียบร้อย ขณะที่ไฟด้านหลังออกแบบสวยงามเช่นเดียวกันและใช้ระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน

เรือนไมล์ทรงคลาสสิก แบบดิจิทัล LCD

ไล่ขึ้นมาในส่วนคอนโทรล กับหน้าจอเรือนไมล์ทรงคลาสิกที่ใช้เป็นระบบดิจิทัล LCD แบบทันสมัย แสดงผลฟังก์ชันทั้งมาตรวาดความเร็วที่สามารถปรับหน่วยได้ทั้งกม./ไมล์ รอบเครื่องยนต์ นาฬิกา เกร์น้ำมัน ไฟตำแหน่งเกียร์ ไฟสูงและไฟเลี้ยว ทั้งยังสามารถปรับตั้งค่าทริปการเดินทางผ่านปุ่มคอนโทรลด้านหน้าได้เลย

ต่อด้วยในส่วนของประกับคอนโทรลเริ่มจากฝั่งซ้ายจะพบกับสวิตช์ไฟสูงต่ำ ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยวและแตร ส่วนฝั่งขวาจะมีสวิตช์ออฟรันและปุ่มสตาร์ทติดตั้งมาให้ พร้อมแฮนด์บาร์แบบ Drag Wide ดีไซน์สวยจากโรงงานและฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับองศาของแฮนด์ได้นั่นเอง

กุญแจดีไซน์สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ แฮนด์บาร์ สามารถปรับระยะได้

โดยสามารถใช้หกเหลี่ยมขันน็อตจากชุดยกเยื้องปรับแต่งได้ตามความต้องการ พร้อมกระจกปลายแฮนด์ออกแบบสวยงามตามฉบับโมเดลคลาสสิกและกุญแจที่ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์สามารถพับเก็บ-ใช้งานได้ โดยไม่ต้องเสียเงินแต่งเพิ่ม ทั้งยังอำนวยความสะดวกด้วยช่องเสียบ USB บริเวณฝั่งซ้ายใกล้ ๆ ตัวเรือนไมล์ สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ อาทิ โทรศัพท์มือถือ หูฟัง แบตเตอร์รีสำรองหรืออื่น ๆ ได้ตามความต้องการ

เบาะนั่งแบบ Slim and Low ถังน้ำมันขนาด 15 ลิตร

และยังคงเอกลักษณ์ในสไตล์รถครูเซอร์ด้วยถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาด 15 ลิตร ลงสีเคลือบเงาดูเงางาม ประดับแผ่นกันความร้อนบริเวณข้างถังพร้อมโลโก้ Keeway BENDA ขยับออกมาอีกหน่อยจะพบกับเบาะนั่งแบบ Slim and Low เว้าขอบด้านข้าง แถมไล่ตะเข็บตัดเย็บสวยงาม

ท่อไอเสีย V Shape แบบ 2 ออก 1

ประกอบกับบังโคลนหน้าแบบสั้นและบังโคลนหลังขนาดใหญ่ ให้คาแรคเตอร์แบบรถจิ๊กโก๋ ๆ และเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสีย Y Shape แบบ  2 in 1 จัดทรงดุดัน ทันสมัยและเข้มข้นมากขึ้นด้วยการลงเฉดสีเข้มบริเวณชุดสูบ แคร้งเครื่องและครอบคลัตช์ ทั้งยังประดับด้วยโลโก้ BENDA ติดมาให้อีกด้วย 

เครื่องยนต์ V-Twin 2 สูบเสียงเร้าใจ

เรามาดูหัวใจหลักของโมเดลรุ่นนี้ที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ กับเครื่องยนต์ V-Twin 2 สูบ ขนาด 298 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบวาล์วแบบ SOHC 4 วาล์วต่อลูกสูบ ใช้ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ระบบเกียร์แบบ 6 สปีดที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน ให้แรงม้าสูงสุดที่ 29.5 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 26.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ถือว่าตัวรถให้กำลังมาดีในพิกัดนี้


ช่วงล่างนุ่มนวล ปรับแต่งได้ตามการใช้งาน

ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้วยการใช้โช้คหน้าแบบหัวกลับ มีระยะยุบ 115 มม. ขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คสปริงคู่ มีระยะยุบที่ 46 มม. สามารถปรับค่าความแข็งอ่อนของสปริงได้ มาพร้อมระบบเบรกกับดิสก์เบรกหน้าขนาด 300 มม. คาลิปเปอร์เบรก 4 ลูกสูบจาก BENDA ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดียว

และติดระบบ ABS Dual Channel รวมทั้งล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ดีไซน์สวยงามเป็นเอกลักษณ์มีขนาด 16 นิ้วด้านหน้าและ 15 นิ้วด้านหลัง รัดด้วยยางขนาดใหญ่มาให้ขนาด 110/90 และ 130/90 โดยเคลมน้ำหนักตัวรถมาที่ 167 กก.

ฟีลลิ่งการทดสอบขับขี่

โดยการทดสอบครั้งนี้จะเริ่มขับขี่จากถนนเส้นพัฒนาการตัดใหม่ มุ่งหน้าไปยังเรียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ ซึ่งรูทส่วนใหญ่จะเน้นฟีลลิ่งการขับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่อาจมีเล่นโค้งซักเล็กน้อยให้ถ่ายภาพสวย ๆ เอามาฝากคุณผู้ชมกันครับ

ขี่ง่าย นั่งสบาย ไม่เมื่อยหลัง

ประเด็นแรกที่อยากจะกล่าวถึงนั่นก็คือ มิติรูปทรงของตัวรถออกแบบมาเพื่อขับขี่ใช้งานในแบบครูเซอร์ไบค์ที่เอนเอียงไปทางบ๊อบเบอร์เสียมากกว่า ด้วยตัวเบาะแบบ Slim and Low เวลานั่งคร่อมแล้วรู้สึกนั่งหลังตรง ขาเหยียบถึงพื้นทั้งสองข้างสบาย ๆ กับส่วนสูงที่ 175 ซม. สำหรับคนที่มีส่วนสูงซัก 165 – 170 ซม.หรือมากกว่า 175 ซม.ขึ้นไปไม่น่ามีปัญหาในส่วนนี้ 

ถึงตัวเบาะจะถูกออกแบบมาให้นั่งสบายสำหรับผู้ขับขี่แล้ว เบาะคนซ้อนก็ถือว่าให้มาเพียงพอต่อการโดยสารเช่นกัน ถ้าหากผู้ซ้อนไม่ติดอะไรก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่สำหรับคนซ้อนที่มีสรีระร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่ ก็แนะนำให้ลองหาเบาะชิ้นใหม่น่าจะช่วยได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับตำแหน่งที่พักเท้าขนาดใหญ่ถูกจัดเยื้องไปทางด้านหน้า นั่งแล้วเข่าไม่งอจนเกินไป แป้นพักเท้าให้มาขนาดใหญ่เหยียบสบาย แถมระยะเบาะถึงแฮนด์ให้มาดีจับแฮนด์แล้วรู้สึกว่า ระยะช่วงแขนนั้นไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป โดยรวมมิติตัวรถให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่มั่นคง สบาย ๆ อีกทั้งด้านหน้าของตัวรถไม่บดบังสายตาในขณะขับขี่ ตัวเรือนไมล์อ่านค่าได้ง่าย สามารถมองทางข้างหน้าในระยะ 50 เมตร 100 เมตร ได้อย่างชัดเจน แถมยังดูเท่ในแบบจิ๊กโก๋ยุคใหม่อีกด้วย

แฮนด์ทรง Drag Wide เหมือนจะกว้างแต่ก็ไม่กว้าง

ประเด็นที่สองสำหรับระยะแฮนด์นั้นถ้าจะบอกว่าเป็นข้อจุดสังเกตนั้นก็ไม่เชิงเสียเท่าไหร่ แล้วแต่สไตล์คนชอบ แน่นอนหล่ะ..รถออกแบบมาสไตล์นี้อยู่แล้ว ด้วยรูปทรงตัวแฮนด์แบบ Drag Wide แน่นอนการขับขี่ออกทริปขับขี่ทางไกลไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน แต่ทว่าขับขี่ในเมืองโดยเฉพาะในช่วงเวลารถติดหนัก ๆ อาจจะต้องใช้ฝีมือซักเล็กน้อย ในช่วงขับขี่ซิกแซกหรือช่วงเวลาเลี้ยวโค้งต้องกะระยะให้ดี

ซึ่งแรก ๆ เชื่อว่ามือใหม่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ชิน จึงอยากให้ลองรันอินไปเรื่อย ๆ จับฟีลลิ่งจับจังหวะ และทำความคุ้นเคยกับตัวรถให้ดี คุณอาจจะขับขี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นแถมได้สไตล์การขับขี่ที่ดูเท่และดุดันกว่าเดิมอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ให้ลองปรับกระจกข้างย้ายมาติดตรงประกับแฮนด์หรือปรับระยะองศาแฮนด์เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการขับขี่ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยจุดนี้จึงไม่น่าเป็นปัญหาเสียเท่าไหร่ หรือใครจะคัสตอมตัวแฮนด์ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

เครื่องยนต์ V-Twin ถูกใจสุด ๆ ..!!

ประเด็นที่สามกับขุมพลังเครื่องยนต์ที่ใครหลาย ๆ คนต่างให้ความสนใจในจุดนี้ กับบล็อกสูบวีที่ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน เชื่อว่าจะต้องถูกอกถูกใจสาวกโดยเฉพาะวัยรุ่นอเมริกาอย่างแอดมินเป็นพิเศษ ซึ่งความตื่นเต้นของขุมพลังบล็อกนี้อย่างแรกเลยก็คือเสียงท่ออันดุดันในสไตล์รถสูบวีนั่นเอง หรือถ้าใครอยากโมดิฟายตัวท่อเพื่อเพิ่มเสียงคำรามกึกก้องมากขึ้นก็แนะนำให้ลองเปลี่ยนดู

ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ขนาด 298 ซีซี มีแรงม้าที่ 29.5 แรงม้าที่ 8,500 รอบ และแรงบิดขนาด 26.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที สำหรับช่วงออกตัวนั้นตัวรถให้ฟีลลิ่งถึงความนุ่มนวล ไม่กระชากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ พุ่งแต่ไม่กระชาก แต่เมื่อรอบได้ที่แล้ว ในช่วงเกียร์ 2 ขึ้นไปต้องบอกเลยว่าแรงบิดมาเต็ม เหมือนตัวรถมันฉลาด..มันเปลี่ยนโหมดให้อัตโนมัติซะงั้น ถือว่าจัดจ้านพอสมควร..มันส์จริง ๆ สำหรับขับขี่ในเมืองใช้แค่ 4 เกียร์ ก็เพียงพอใช้งานแล้ว และท็อปสปีดที่ทำไปสำหรับเค้นในทางตรงได้ที่ 142 กม./ชม. และเชื่อว่าตัวรถยังสามารถไปได้มากกว่านี้

รวมถึงจังหวะบิดเร่งแซงในย่านความเร็วต่าง ๆ ถือว่าโอเคเลยทีเดียว..ตอบโจทย์ แรงบิดตอบสนองคันเร่งได้ดี กำลังมาเลย..ไม่ต้องรอรอบ เวลาขี่มุดหรือแซงเครื่องยนต์พร้อมส่งกำลังให้ทันที สำหรับใครที่คุ้นชินกับตัวรถแล้ว บอกได้เลยว่าขี่สนุกแน่นอน 

ช่วงล่างสมูท..ระบบเบรกดีเกินคาด

สำหรับระบบช่วงล่างที่ให้โช้คหน้าระยะยุบที่มากกว่าถึง 115 มม.ซึ่งเมื่อขับขี่ไปแล้ว ในช่วงจั้มคอสะพาน ขับขี่ผ่านหลุมถนนโดยตัวโช้คหน้านั้นซับแรงได้ค่อนข้างโอเค ไม่ดีด ไม่ย้วย ส่วนโช้คหลังเป็นแบบสปริงคู่สามารถปรับพรีโหลดได้ตามความต้องการ ถึงแม้จะมองว่ามันค่อนข้างแข็งอยู่เล็กน้อย (เซ็ตติ้งเพื่อรองรับน้ำหนักคนซ้อน) แต่อย่างไรก็ดีผู้ขับขี่สามารถปรับค่าความแข็งอ่อนของสปริงได้ตามต้องการใช้งานได้เลย

สำหรับระบบเบรกถือว่าให้มาเกินคาดในรถพิกัดนี้ ด้วยคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบด้านหน้าและลูกสูบเดียวด้านหลัง แถมยังพ่วงมาพร้อมระบบ ABS แยกเซ็นเซอร์การทำงานของล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งเมื่อได้ลองทดสอบเบรกทั้งเบรกแบบปกติทั่วไป หรือแม้กระทั่งเบรกกระชันชิดถือว่าเอาอยู่ แถมยังมี ABS ช่วยมาเพิ่มความอุ่นใจในการเบรกได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สำหรับจุดนี้..ผ่าน

คะแนนสำหรับรีวิวการทดสอบ
Design : 8/10 สวยงาม เก็บรายละเอียดในแต่ละส่วนออกมาดี (แม้กระทั่งกุญแจ)
Ergonomic : 8/10 ขับขี่สบาย ท่านั่งหลังตรง เข่าไม่งอ แขนไม่ต้องเอื้อม
Engine : 8.5/10 ออกตัวพุ่ง นุ่มนวล ไม่กระชาก หลังจากนั้น…มันส์
Suspension : 7/10 นุ่มนวลผ่านตามมาตรฐาน
Brake : 7.5/10 ถือว่าให้มาดีเกินที่คาดไว้
Tyre : 7/10 ใช้งานได้ตามมาตรฐานที่ติดมากับตัวรถ

OVERALL : 7.5/10 รถออกแบบมาดี สำหรับใช้งานในเมือง มีกำลังเหลือ ๆ แรงบิดติดมือขับขี่ง่าย  แต่สำหรับมือใหม่ต้องฝึกเล็กน้อย (ไม่ยาก) ช่วงล่างโอเคตอบโจทย์ เทคโนโลยีไม่มีอะไรมากตามสไตล์ตัวรถ
Ride or Upgrade : ท่อใบเดียว หรือ แฮนด์บาร์ปรับแต่งแล้วแต่สไตล์ รถสวยอยู่แล้ว

 

โดยสรุปกับ Keeway V302C พ่อหนุ่มสูบวีรุ่นนี้ก็ถือว่าเปิดตัวออกมาได้สวย หลังจากที่รอคอยมาอย่างเนิ่นนานว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ และตอนนี้ก็คงสาสมใจแก่สาวกครูเซอร์ทั่วหน้าแล้ว โดยตัวรถนั้นมีสมรรถนะที่ตอบโจทย์ จัดจ้านและเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะขับขี่ใช้งานหรือขับขี่ออกทริปกับชาวแก๊งค์ก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมตัวรถยังมีการดีไซน์ที่ต้องเรียกได้ว่า ถ้าจะไม่ไปสุดสายนี้ ก็ไม่ต้องเสียเงินแต่งเพิ่มเลยจริง ๆ

Red Cruiser
Black Cruiser
Grey Cruiser

ซึ่งจะเปิดจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สีได้แก่ ได้แก่สีแดง (Red Cruiser),สีดำ (Black Cruiser) และสีเทา (Grey Cruiser) โดยเปิดราคาแนะนำที่ 177,900 บาท ขอย้ำอีกรอบนะครับว่า 1.78 แสนมีทอน กับครูเซอร์เครื่องยนต์สูบวี ซึ่งนอกจากจะได้ดีไซน์ที่สวยงามตรงใจต้องการแล้ว ขุมพลังหรือ Performance ต่าง ๆ ถือว่าเกินคาด 

หากท่านใดสนใจอยากลองขับขี่รุ่นนี้แล้วหล่ะก็สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย Keeway Station ทุกสาขาทั่วประเทศกันได้เลย หรือสามารถติดตามข่าวสารของทาง Keeway กันได้ที่ Website : www.keeway-thailand.com Facebook : KeewayMotorcycle Instagram : Keewaythailand Line : @Keeway สำหรับรถ Keeway รุ่นต่อไปจะเป็นรุ่นอะไรที่พวกเราทีมงาน SuperBike Thailand จะมารีวิวแล้วหล่ะก็ รอติดตามได้เลย 

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

Liberty Media เทคกิจการของ Dorna เจ้าของสิทธิ์ MotoGP

Liberty Media เทคกิจการของ Dorna เจ้าของสิทธิ์ Mot […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version