ทดสอบ Triumph Speed Twin : Rebirth of The Legend
ครั้งนี้มาเรามาไกลกันถึงต่างแดน โดยมีเป้าหมายคือการมาทดสอบรถตัวใหม่ของทาง Triumph โมเดลสุดฮ็อตในอดีตที่คราวนี้กลับมาใหม่อีกครั้ง การันตีความคลาสสิคและความเท่ที่มากกว่าเคย ครั้งนี้เราได้บินกันไปทดสอบกันถึงที่เกาะมายอร์กา ประเทศสเปน สำหรับการ ทดสอบ Triumph Speed Twin ครั้งนี้ต้องขอบคุณ Triumph Motorcycle Thailand ที่ได้เชิญ SuperBike เข้าร่วมทดสอบระดับโลก ในส่วนของเนื้อหาทั้งหมดก็เพิ่งจะปรับมาเป็นออนไลน์ ให้ผู้อ่านได้อ่านกันไวมากขึ้นกว่าเดิม เต็มเม็ด เต็มหน่วย มากขึ้น…
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่า Triumph Speed Twin เปิดตัวในประเทศไทยไปก่อนในงาน Motor Expo 2018 ครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวและทดสอบระดับโลก โดยมีการเชิญสื่อมวลชนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ โดยทาง Superbike เองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าทดสอบด้วย ภายในนามของ www.superbikemag.com
ทีนี้เราลองมาดูเจ้า Speed Twin คันนี้กันดีกว่าว่ามันมีอะไรบ้าง ลองขึ้นชื่อได้ว่า All New มันก็ต้องมีอะไรใหม่ๆ หลายอย่างแน่นอน แล้วครั้งนี้เราได้มาทดสอบรถระดับพรีเมื่ยมบนเกาะมายอร์กา บนเส้นทางคดเคี้ยวที่ลัดเลาะไปบนเทือกเขา ตามสไตล์ Triumph เรียบ หรู ดูดี แต่ดูเหมือนว่าตัวนี้ จะดูซิ่งๆ ยังไงๆ ไม่รู้ ต้องลองไปดูกันครับ
เครื่องเครา
Speed Twin คันนี้มาในมาดของโมเดิร์นคลาสสิคไบค์ ในสไตล์ของสตรีทไบค์ เด่นด้วยส่วนประกอบในแบบคลาสสิคที่เทคโนโลยีสมันใหม่เข้าไปภายใน ด้านหน้ามีไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่แบบคลาสสิคแต่ใช้เทคโนโลยี LED พร้อมมีเดย์ไลท์ด้วย ถัดมาด้านบนนิดหน่อยมีเรือนไมล์ทรงกลมคู่แบบคลาสสิคโดยสามารถแสดงรายละเอียดสำคัญต่างๆ ได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรอบเครื่องยนต์ มาตรวัดระยะทาง เลขบอกเกียร์ น้ำมันเชื้อเพลิง บอกระยะวิ่งที่เหลืออิงจากน้ำมันในถัง บันทึกทริป 2 ค่า สถานะการทำงานของแทร็คชั่นคอนดทรล และอื่นๆ ที่ควรจะมี กระจกมองข้างเป็นแบบติดปลายแฮนด์บาร์ตามแบบสมัยนิยม หลายๆ ชิ้นส่วนเป็นงานอลูมิเนียมเกรดดีดูพรีเมี่ยมเรียบหรู ถังน้ำมันทรงคลาสสิคขนาด 14.5 ลิตรพร้อมฝาถังล็อกได้ของ Monza ที่เรียบหรูดูคลาสสิคเข้ากับถังน้ำมันและสไตล์ของรถเป็นอย่างดี เบาะหนังแบบชิ้นเดียวให้ความนุ่มสบายทั้งคนขี่คนซ้อน ท่อไอเสียคู่แบบยกปลายสูงเสริมมาดให้ดูเก๋ายิ่งขึ้น
เครื่องยนต์
Triumph Speed Twin นั้นใช้เครื่องยนต์ High Power แบบ 2 สูบคู่ 4 วาล์วต่อสูบขนาด 1,200 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ(เหมาะกับประเทศไทยมากๆ) เคลมพละกำลังมาสูงสุดที่ 97 แรงม้าที่ 6,750 รอบ และแรงบิดที่ 112 นิวตันเมตรที่ 4,950 รอบ มีท่อไอเสียแบบ 2 ออก 2 ดีไซน์เท่แบบคลาสสิค ให้สุ้มเสียงดุดันตามแบบฉบับเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ส่งกำลังด้วยโซ่พร้อมเกียร์ 6 สปีด และยังมีระบบแอสซิสต์คลัทช์ที่ช่วยผ่อนแรงในการกำคลัทช์ให้น้อยลงช่วยให้ขับขี่ทางไกลได้สบายยิ่งขึ้น ลดอาการเมื่อยมือจากการกำคลัทช์
ตัวรถใช้ระบบคันเร่งไฟฟ้าหรือ Ride by wire คือสั่งงานผ่านกล่อง ECU ดังนั้นการทำงานของเครื่องยนต์ก็จะอยู่ภายใต้การประมวลผลของ ECU เสมอ โดยจะสอดคล้องกับโหมดการขับขี่ที่รถมีไว้ให้ทั้งหมด 3 โหมดคือ Sport, Road และ Rain ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะให้การตอบสนองต่างกัน แน่นอนว่าโหมด Sport คือบิดเท่าไหร่มาเท่านั้น ตอบสนองรวดเร็ว ให้กำลังดีที่สุด และลดหลั่นลงมาคือโหมด Road และ Rain แน่นอนว่าในโหมด Rain จะมีการตัดกำลังมากที่สุดทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง นอกจากนี้รถยังมีแทร็กชั่นคอนโทรลที่สามารถเปิดปิดได้อีกด้วย
ช่วงล่าง
ด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. ระยะยุบตัว 120 มม. พร้อมปลอกหุ้มกันฝุ่นแบบคลาสสิค พร้อมกับปั๊มเบรคบน Brembo กระทุ้งแบบ 45 องศาปรับระยะได้ กระปุกน้ำมันแบบใสลอย ดิสก์เบรคคู่หน้าขนาด 305 มิลลิเมตร คาลิเปอร์เบรคจาก Brembo 4 พ็อตและระบบเบรก ABS ส่วนด้านหลังเป็นโช้คอัพคู่พร้อมตัวปรับพรีโหลด ระยะยุบเท่ากับด้านหน้าที่ 120 มม. ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 220 มม. คาลิเปอร์เบรค Nissin และระบบเบรก ABS สวิงอาร์มคู่อลูมิเนียมน้ำหนักเบา โครงรถเหล็กคู่ เสริมเปลท้ายแบบอลูมิเนียม โดยมีน้ำหนักตัวรถเพียง 196 กิโลกรัมเท่านั้น
ล้อนั้นเป็นล้ออลูมิเนียมแบบ 7 ก้านขนาด 17 นิ้วเท่ากันทั้งด้านหน้าและหลัง มาพร้อมกับยางสปอร์ตคุณภาพสูงอย่าง Pirelli Rosso 3 ที่หนึบและอายุการใช้งานที่ดีเหมาะกับการขับขี่เล่นโค้งยิ่งนัก
ลองซิ่ง
มาพูดถึงฟีลลิ่งการขับขี่กันบ้าง!! เครื่องยนต์ตัวนี้นั้นใช้ในหลายๆ โมเดลของ Triumph ส่วนตัวผมเองถือว่าเป็นรถที่มีกำลังมหาศาลรุ่นนึงเลยล่ะครับ หลังจากได้ลองหวดมันบนถนนอันคดเคี้ยวบนเทือกเขาในมายอร์ก้า คันเร่งไฟฟ้าทำให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดปิดได้ดี ตอบสนองได้ไวมาก แต่บางคนที่เคยขี่แต่คันเร่งสายอาจจะยังไม่คุ้นชินเท่าไร รันอินข้อมือเพื่อทำความคุ้นเคยกันดูได้ รับรองว่าไม่นานครับ แม้ว่าเครื่องยนต์จะค่อนข้างดุดัน แต่รถก็ขี่ง่ายกว่าที่คิด
พูดถึงเกียร์ ถูกทดรอบเฟืองมาให้ขี่ง่ายเหมาะสำหรับขับขี่ในเมือง แต่ถ้าจะให้บิดกระแทกกระทั้นเร้าใจจริงๆ เกียร์สองที่ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็มีล้อลอยให้ตกใจบ้างละครับ เรียกว่ามีกำลังเหลือๆ พูดถึงตัวโหมด Sport นั้นก็เปิดหมดปลอด ก็มาไวมาเต็ม ติดมือ ทำงานได้ไวมากๆ เหมาะกับการเร่งแซง เพราะแรงม้ามาแบบเต็มๆ ส่วนโหมด Road โหมดสำหรับขี่ถนน ขับขี่แบบชิลล์ๆ ก็ขี่ได้สบายๆ ไม่กระชากจนตกใจเท่าไร เรียกได้ว่าขี่ง่ายครับ และ Rain โหมดนี้ไม่ต้องฝนตกก็เปิดได้ เจอถนนชื้นๆ ในหุบเขา ผมก็ได้ลองใช้ทันที่ ในตอนที่เข้าโค้งเร็วๆ รถมีอาการสไลด์ที่ล้อหลัง แม้ผมจะเปิดคันเร่งแรงและเร็ว แต่ระบบก็ทำงานได้ไวมาก พร้อมตัดกำลังไม่ให้ล้อเกิดการสไลด์ออก ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย เป็นมิตรต่อผู้ขับและถนนลื่นๆ ถูกใจเป็นที่สุด ถือว่าทุกวันนี้ระบบรถถูกพัฒนาไปไกลมากๆ ทำให้เราขับขี่ได้ง่ายมากขึ้นจริงๆ
เรื่องของช่วงล่างนั้นในการ ทดสอบ Triumph Speed Twin ครั้งนี้ ยกความดีความชอบให้กับ เบรกเลยครับ ปั๊มบน Brembo ปั้มเบรคหน้าล่าง Brembo 4 พ็อต เอาอยู่จริงๆ น้อยแบรนด์ที่จะติดปั๊มตัวนี้ออกมาจากโรงงานเลย ใช้คำว่าไม่ต้องแต่งต่อกันเลย เบรกได้เนียนกริบ ละเอียดมากๆ ส่วนตัวในการทดสอบแต่ละครั้ง ผมจะให้ความสำคัญกับช่วงล่างมากๆ เพราะเป็นสิ่งแรกๆ ที่ต้องคำนึงนึง เบรกดี ยางดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ของขึ้นชื่อทั้งนั้น ทั้ง Brembo และ Pirelli ให้ของมาแต่ละชิ้นคุ้มค่าคุ้มราคาครับ กำเบรกในที่ชื้นๆ ลื่นๆ บอกเลยเอาอยู่ครับ ABS ก็ทำงานละเอียด ยาง Pirelli Diablo Rosso 3 ที่ติดมากับตัวรถ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ตามสไตล์ของยาง (ยางสปอร์ตแบบ Multi Compound) การเข้าโค้งแต่ละครั้งมั่นใจ จะเบรกลึก ยกลึก เปิดคันเร่งเต็ม คิดว่าเป็นรถแข่งซะอีก ซึ่งเอาจริงๆ คาเเร็กเตอร์รถ Speed Twin ที่ผมคิดนั้นควรที่จะเป็นแบบนี้แหละ
ท่านั่งถ้าเทียบดูแล้วจะคล้ายกับ T120-T100 แต่จะก้มนิดๆ แบบ Classic Roadster ขี่ง่ายมากครับ ตำแหน่งแฮนด์บาร์ สรีระท่านั่ง ขาหนีบถัง ตำแหน่งวางเท้าเข้าเกียร์และเบรค ทั้งหมดเสริมให้ดูดีมีสไตล์และขี่ง่ายมากขึ้น
สุดท้ายยังไงก็ขอฝาก All New Speed Twin โมเดลใหม่ล่าสุดจากทาง Triumph ไว้ให้พิจราณากันอีกตัว โดยโมเดลนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีได้แก่ Silver ice/Storm grey, Korosi Red/Strom Grey และ Jet Black ในราคาจำหน่าย 576,000 บาท
Specifications
เครื่องยนต์ | 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1200 ซีซี |
ระบบวาล์ว | 4 วาล์วต่อสูบ |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 97.6 X 80.0 มม. |
อัตราส่วนการอัด | 11.0:1 |
แรงม้า เคลม | 96 แรงม้าที่ 6,750 รอบ |
แรงบิด เคลม | 82.6 นิวตันเมตรที่ 4,950 รอบ |
ระบบเกียร์ | 6 สปีด |
ระบบจุดระเบิด | อิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัทช์ | คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน |
ยาว X กว้าง X สูง | NA X 760 X 1,110 มม. |
ขนาดยางหน้า | Pirelli Diablo Rosso 3 – 120/70 – ZR17 |
ขนาดยางหลัง | Pirelli Diablo Rosso 3 – 160/60 – ZR17 |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คเทเลสโคปิกขนาด 41 มม.ระยะยุบ 120 มม. |
ระบบกันสะเทือนหลัง | สวิงอาร์มและโช้คคู่ ระยะยุบ 120 มม. |
เบรคหน้า | ดิสก์เบรคคู่ขนาด 302 มม. คาลิเปอร์เบรค Brembo 4 พ็อต พร้อม ABS |
เบรคหลัง | ดิสก์เบรคเดี่ยว 220 มม. คาลิเปอร์เบรค Nissin 2 พ็อต พร้อม ABS |
ระยะฐานล้อ | 1,430 มม. |
ความสูงเบาะ | 807 มม. |
น้ำหนักรถ | 196 กก. |
ความจุถังน้ำมัน | 14.5 ลิตร |
ราคา | 576,000 บาท |
ติดต่อ | Facebook: https://www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand/ |