พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร ให้สัมภาษณ์กับรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ระบุถึงแนวทางรับมือปัญหาผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์ที่มักจะเกิดอุบัติร้ายแรงหลายครั้งว่าตำรวจใช้มาตรฐานกฎหมายเดียวกันกับรถทั่วไปไม่ได้ให้สิทธิพิเศษ วิ่งในช่องพิเศษไม่ได้ ไม่ว่าจะมีแรงม้าเท่าไรก็จะดำเนินคดีหมด โดยความเร็วตามกฎหมายที่อนุญาตต้องไม่เกิน 90 กม./ ชม . ทั้งนี้ปัจจุบันกำหนดให้อายุเริ่มต้นสำหรับผู้ที่จะทำใบขับขี่ได้ ต้องอายุ 18 ปี ส่วนปัญหาที่เด็กมัธยมหันมาขี่รถบิ๊กไบค์มากขึ้นถือว่าน่าเป็นห่วง โดยในอนาคตกองบังคับการตำรวจจราจร เตรียมจะเสนอให้มีการแยกประเภทผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกเป็นช่วงอายุที่ชัดเจน โดยยึดตามความเร็วของรถที่มีแรงม้าสูง (ซีซี) BigBike ซึ่งในต่างประเทศมีการดำเนินการแล้ว
“เราอยากให้คนที่ขับบิ๊กไบค์ BigBike ได้ต้องอายุ 30 ปีขึ้นไป จึงจะขับรถประเภทนี้ได้ และมีเหตุผลประกอบอื่นๆประกอบด้วย ยืนยันว่าทุกวันนี้ เราไม่มีข้อยกเว้นในการจับรถบิ๊กไบค์ แต่ปัญหาอยู่ที่ข้อจำกัดเรื่องซีซีของรถรถตำรวจซีซีต่ำกว่าของรถบิ๊กไบค์ BigBike เราจึงมาตั้งจับที่ด่าน บางทีจับที่อื่นแล้วเค้าขับหนี แล้วเราจับไม่ทัน เราขับรถฝ่าไป ก็จะอันตราย มีบางรายไปโพสต์เฟสบุค ทำไมตำรวจต้องมาค้น ผมยืนยันว่าคนรวยผิดเราจับ คนจนผิดเราก็จับ ถ้าไม่จับก็จะกลายเป็น 2 มาตรฐาน สำหรับเรื่องการวัดเดซิบเบลของรถบิ๊กไบค์ พ.ร.บ.จราจรทางบก ระบุไว้ว่าเสียงจากท่อไอเสียกำหนดไว้ แต่เครื่องมือในการตรวจสอบเรามีน้อย จึงไม่ได้ตรวจกัน เราทำงานตลอด7 วัน ตำรวจจราจรไม่มีวันหยุด เราไม่ได้ทำงานแบบผักชีโรยหน้า แต่ขณะนี้กำลังเราขาดแคลนค่อนข้างมาก “พ.ต.อ.เอกรักษ์ ระบุ
พ.ต.อ.เอกรักษ์ ระบุด้วยว่า สำหรับปัญหาเรื่องการตรวจเครื่องวัดแอลกฮอล์ตกเกณฑ์มาตราฐาน 50 % ตามที่กระททรวงสธ.ระบุไว้นั้น ขอแนะนำว่าประชาชนสามารถขอดูสติ๊กเกอร์ตรวจวัดได้ ซึ่งช่วงนี้ผลงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เด่นชัดคือ อุบัติเหตุตอนดึกน้อยลงแล้ว เพราะตำรวจตั้งด่านตรวจวัดถี่ขึ้น โดยประชาชนยังสามารถขอเจ้าหน้าที่ดูได้ว่ามีปริมาณแอลกฮอล์กี่เปอร์เซ็นต์ ส่วนปัญหาเรื่องงานกาชาด ที่มีผู้มาขอรีดไถค่าที่จอดรถนั้นไม่สามารถทำได้ถือว่าผิดกฎหมาย ขอความร่วมมือหากใครพบเห็นให้โทรไป สายด่วน 1197 ตำรวจจราจรจะเข้าไปดำเนินการทันที
ที่มา : http://mcot-web.mcot.net/fm1005/content.php?id=55223abdbe047061c78b45c7#.VSKSQPmsWmo