รีวิว V-Strom 1050 XT เทคโนโลยี IMU ขี่ง่าย มันส์กว่าเดิม
สำหรับรีวิวและทดสอบในครั้งนี้จะเป็นการรีวิวเจ้า Suzuki V-Strom 1050 XT มาสเตอร์ออฟแอดเวนเจอร์รุ่นเรือธงจากค่าย ที่ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของแอดเวนเจอร์ไบค์จากทาง Suzuki เลยล่ะครับ มันจะมีดีอะไรยังไงกันบ้างไปตำกันได้เลยครับ
ดีไซน์ใหม่เฉียบคม
เจ้าวีสตรอมพิกัดเรือธงคันนี้มีการออกแบบดีไซน์ขึ้นมาใหม่โดยนำเอา DNA จากรถแข่งในตำนานอย่าง DR-Z และโมเดลออฟโร้ดขาลุยในอดีตของทางค่ายอย่าง DR-BIG สังเกตได้จากปากนกด้านหน้าที่ยื่นออกไปด้านหน้า
พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนดีไซน์ของไฟหน้าใหม่เป็นไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบซ้อนกัน 2 ชั้น ให้กลิ่นอายเฮริเทจแบบดั้งเดิม นอกจากนี้แล้วยังโดดเด่นด้วยการทำสีชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ เช่น ฝาสูบ เคสปั๊มน้ำ ครอบคลัตช์ เป็นสีบรอนซ์ตัดกับสีของเครื่องยนต์สีดำดูโดดเด่นสวยงามอีกด้วย
ขุมพลังวีทวินตัวแรง
สำหรับโมเดลนี้เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์แบบวีทวิน 90° ขนาด 1,037 ซีซีที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และยังผ่านมาตรฐาน Euro5 แล้วด้วย เด่นด้วยระบบจุดระเบิดด้วยหัวเทียนคู่ ช่วยให้สตาร์ทง่าย ให้กำลังแรง และตอบสนองต่อคันเร่งได้ดีขึ้น
โดยเคลมแรงม้ามาที่ 107.4 แรงม้าที่ 8,500 รอบ และแรงบิดสุงสุดที่ 100 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 20.41 กม./ลิตร ดังนั้นหากคำนวณจากถังน้ำมันที่ให้มา 20 ลิตร ดังนั้นจะวิ่งได้อย่างน้อย 400 กม.ต่อน้ำมัน 1 ถัง
ช่วงล่างเยี่ยมตอบโจทย์
เริ่มกันที่ระบบกันสะเทือนกันก่อนนะครับ โช้คหน้านั้นให้เป็นโช้คหัวกลับจาก KYB ขนาด 43 ม.ม. สามารถปรับพรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์แดมปิ้งได้ ส่วนด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวสามารถปรับพรีโหลดได้ผ่านรีโมต พร้อมกับกระเดื่องซับแรง ซึ่งถือว่าใช้งานได้สะดวกเวลาที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่
ตัวล้อจะเป็นล้อซี่ลวด DID แบบไม่ใช่ยางในเรียกว่าเป็นของดีพร้อมลุยแบบหนักๆ มาให้เลย ส่วนยางจะเป็นขนาดยางหน้า 110/80 R19 ส่วนยางหลัง 150/70 R17
ส่วนระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกคู่พร้อมคาลิเปอร์เบรกจาก Tokico ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว และจะมีระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้อีกด้วย
เทคโนโลยีแน่นๆ ทันสมัย
สำหรับเจ้า XT คันนี้จะมีระบบประมวลผลแรงเฉื่อยแบบ 3 แกนหรือ IMU มาให้ด้วย ดังนั้นระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบที่เกี่ยวกับความปลอดภัยก็จะได้รับการยกระดับอัปเกรดให้ทำงานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Motion Track Brake System หรือระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้นั่นเอง
ระบบ Hill Hold Control System (ช่วยหยุดรถบนเนินชัน) ระบบ Slope Dependent Control System (ช่วยควบคุมแรงเบรกเวลาลงทางลาดชัน) ระบบ Load Dependent Control System (ช่วยควบคุมแรงเบรกเวลามีคนซ้อนหรือมีสัมภาระ)
ระบบครูซคอนโทรล (ความเร็วที่ใช้งานได้ >50 – 160 กม./ชม. เกียร์ 4 ขึ้นไป) ระบบแทร็คชันคอนโทรลแบบเปิดปิดได้ และระบบ Suzuki Drive Mode Selector (โหมดการขับขี่มี 3 โหมดด้วยกัน)
นอกจากระบบต่างๆ ข้างต้น ยังมีระบบอื่นๆ ช่วยเสริมการใช้งานอาทิ ระบบ Low RPM Assist ช่วยไม่ให้เครื่องดับเวลาขี่ที่ความเร็วต่ำหรือตอนออกตัว ใช้ดีเวลารถติด ระบบ Easy Start กดสตาร์ทครั้งเดียวไม่ต้องค้างก็เพียงพอต่อการสตาร์ท ง่ายและสะดวก และระบบ Clutch Assist System ช่วยผ่อนแรงที่มือคลัตช์ ไม่ต้องใช้แรงกำมาก
ช่วงทดสอบขับขี่
ท่านั่งดีขับขี่ได้นุ่มสบาย
เรามาพูดถึงท่านั่งการขับขี่กันก่อนนะครับ ผมบอกสั้นๆ ก่อนว่า มันกระชับและนุ่มนวล จากการได้ลองขับขี่ สำหรับตัวผมแล้วรู้สึกถึงความกระชับของตัวรูปทรงถังน้ำมันที่มีความเพรียวไม่ใหญ่เทอะทะเหมือนรุ่นอื่นๆ ตำแหน่งการวางเท้ามาได้พอเหมาะพอเจาะ และระยะของแฮนด์บาร์ที่อยู่ในระดับดีทั้งตอนนั่งและยืนขับ ทำให้คอนโทรล บาลานซ์ตัวรถทั้งทางดำและทางลุยทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นออกแบบการสรีสะท่าทางขับขี่ได้เหมาะสำหรับสายแอดเวนเจอร์
เมื่อออกแบบมาได้ดีก็ทำให้เห็นมุมมองเส้นทางเป้าหมายข้างหน้าชัดเจน การคอนโทรลตัวรถเองก็ทำได้ง่ายและสบายมากยิ่งขึ้น สำหรับตัวผมการเดินทาง กรุงเทพ – ชลบุรี ระยะทาง เกือบ 200 กิโลเมตร และได้มีโอกาสนำรถเข้าไปขี่เล่นๆ ในทางลุยนิดหน่อย ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยละครับ
บิดได้ เร่งดี ทันใจ
ฟีลลิ่งที่ได้จากเครื่องยนต์แบบสูบวีนั้น เรียกว่าให้กำลังในรอบต้นได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งในพิกัดพันซีซี ยิ่งทำให้รู้สึกได้ถึงความแรง บิดมานี่ดึงหน้าหงายเลย ช่วงจับรถแรกๆ Riding Mode อยู่ที่ A คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองไวมาก ไวจนตกใจ พอเริ่มชินกับตัวรถยิ่งบิดมันส์มากขึ้น เกียร์แบบ 6 สปีด เข้าเกียร์ได้สบายๆ นิ่มๆ
ช่วงขับขี่จากกทม. ไปชลบุรี ทำความเร็วได้ดีมีทดลองใช้ครูซคอนโทรลบ้างก็รู้สึกเบามือดี สบาย ช่วยลดความเมื่อยล้าได้ การเร่งเครื่องแซงก็ทำได้ดี สำหรับถนนดำคิดว่าคันนี้สามารถที่จะทำความเร็วทะลุ 200 กม./ชม. ได้อย่างง่ายเลยทีเดียว
สำหรับในส่วนของทางฝุ่น ทางลุยๆ อันนี้อาจจะต้องมีการปิดในแทร็คชันคอนโทรล ซึ่งทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก แต่มีเงื่อนไขเล็กน้อยต้องปิดคันเร่งแล้วปรับ ก็สามารถปิดได้ทันที กำลังเครื่องยนต์ก็แล้วแต่เราชอบเลยปรับโหมดเลย คันเร่งเบาเหมือนเดิม ในช่วงของการต่อเกียร์ 1-2 มีกำลังเหลือๆ รอบเครื่องยนต์ไม่ต้องเค้นมากมีให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำและยังมีตัวช่วย อย่าง Low RPM Assist ทำให้เครื่องยนต์เดินเบาแต่รถไม่ดับ ไม่ต้องมาพะวงในเรื่องนี้ ถูกใจแน่นอน
ช่วงล่างเยี่ยม
สำหรับตัวช่างเล่าต้องขอชมตัวโช้คอัพที่ให้มาก่อนเลย ให้ความรู้สึกที่กระชับมากขึ้น ในการขับขี่บนถนนดำสามารถทำได้ดี เก็บรอยต่อถนนได้เนียน และช่วงเวลาเข้าโค้งในความเร็วสูงๆ ก็ยังสามารถที่จะเปิดคันเร่งออกโค้งได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของทางฝุ่น ก็ยังคงทำได้ดีอาจจะต้องมีการปรับค่าพรีโหลดเล็กน้อยจากตัวโช้คสามารถที่จะรับแรงกระแทกได้ดี แต่อาจจะต้องมีตัวช่วยในส่วนของยางนิดหน่อยที่จะช่วยเสริมการขับขี่ตรงนี้ ในส่วนของวงล้อ DID ตรงนี้ออกแบบเป็นแบบซี่ลวดแบบ Tubeless ตรงนี้ดีอยู่แล้วให้ความนุ่มนวลเวลาขี่ในทางลุยๆ ตอบโจทย์แน่นอน
ระบบเบรกอัจฉริยะขึ้น มีการทำงานสั่งการควบคู่การประมวลผลจากกล่อง IMU ที่จะมาช่วยเสริมเกี่ยวกับการควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ สามารถที่จะปรับระดับการทำงานของ ABS ได้ 2 ระดับ ตัวช่วยที่จะกระจายแรงเบรกเวลามีการโหลดน้ำหนักเพิ่มเข้าไป รวมไปถึงตัวเบรกที่เพิ่มในส่วนของ Cornering ABS เวลาเบรกในโค้งก็ยังช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำให้การเบรกรู้สึกได้ว่าปลอดภัยและนุ่มนวลมากขึ้น
บทสรุป รีวิว V-Strom 1050 XT
เจ้าวีสตรอมคันนี้เป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ที่มีท่านั่งการขับขี่ที่สบายให้ความรู้สึกเหมือนแอดเวนเจอร์ขนาดกลาง คอนโทรลได้ง่าย ช่วงล่างถนนดำทำได้ดี ทางลุยก็เอาอยู่ เมื่อบวกกับเครื่องยนต์ตัวใหม่แรงกว่าเดิม อีกทั้งมีระบบเทคโนโลยีมาช่วยเหลือในการขับขี่อีกมากมาย ทั้งยังใช้งานได้จริง ซึ่งสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นหรือลูกเล่นการใช้งานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งปรับระดับ ชิลด์หน้าปรับความสูงได้ ช่องจ่ายไฟ และอื่นๆ ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี และเมื่อพิจารณาจากราคา 619,000 บาท ก็ถือว่าเป็นรถแอดเวนเจอร์อีกคันที่ดูคุ้มค่าเลยทีเดียว
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก