Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT พี่เบิ้มคันใหม่จาก Triumph

Admin Superbike

Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT พี่เบิ้มคันใหม่จาก Triumph

Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT

20 ปีแล้วที่ Rocket III เปิดตัวพร้อมทำลายสถิติในโลกมอเตอร์ไซค์ในฐานโร้ดสเตอร์สุดล่ำ มาวันนี้ค่ายรถเมืองผู้ดีได้โอกาสเผยโฉมใหม่พี่ใหญ่นักกล้ามทีเดียว 2 รุ่น คือ Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT ครูเซอร์ไซส์เบ้อเร่อที่แรงทะลุทะลวง แรงจนทำลายสถิติ แถมยังแรงกว่าเดิมอีก มีอะไรยังไงเดี๋ยวผม เหลาให้ฟังเอง

ดีไซน์

รูปโฉมดีไซน์ยังคงดุดันทรงพลังด้วยสไตล์ตามแบบฉบับของทางค่ายไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก หากมองผ่าน ๆ แต่ถ้ามองให้เจาะลึกลงไปเราจะเห็นรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ซึ่งก็คือส่วนของล้อทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่มีการเปลี่ยนมาใช้ล้ออลูมิเนียมขนาด 10 ก้านที่มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าเดิมซึ่งนอกจากจะสวยหล่อกว่าเดิมแล้วยังช่วยในเรื่องของการขับขี่ที่ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ตัวรถยั้งมีพร้อมโทนสีที่มีความเข้มขรึมดุดันกว่าเดิม ถังน้ำมันขนาด 18 ลิตรเพิ่มคำว่า Strom ตามชื่อใหม่ลงไป พร้อมตัวสีแบบทูโทน ขณะที่ตัว GT จะกลับสีถังน้ำมันแบบทูโทนให้ดูแตกต่างออกไปยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือตัวรถส่วนใหญ่จะถูกทำสีดำแทบจะทั้งคันเพิ่มความดุดันสมชื่อพายุนั่นเอง

เครื่องยนต์

 

สำหรับขุมพลังก็ใหญ่ที่สุดของโลกสองล้อ โดยจะเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงขนาด 2,458 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ผ่าน Euro5b แล้ว เคลมกำลังสูงสุดมาที่ 182 แรงม้าที่ 7,000 รอบ และแรงบิดมหาศาลแบบทุบสถิติสองล้อที่ 225 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบเท่านั้น โดยแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 15 แรงม้า กับแรงบิดเพิ่มขึ้น 4 นิวตันเมตร เรียกว่าโคตรดุดัน

ตัวเครื่องยนต์นั้นสั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีดเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา มีท่อไอเสียแบบ 3 รวม 1 ออก 3 แบบเดิมแต่ทำสีดำดุดันอย่างที่เกริ่นไปแล้ว

ช่วงล่าง

ส่วนนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่ทางค่ายตั้งใจทำเพื่อให้การขับขี่ออกมาดียิ่งขึ้น ตัวรถเลือกใช้เฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับขนาดใหญ่ 47 ม.ม.จากทาง Showa ที่ปรับแต่งได้ทั้งรีบาวด์และคอมเพรสชันแดมปิ้ง ส่วนด้านหลังเป็นสวิงอาร์มเดี่ยวร่วมกับโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์จากทาง Showa ซึ่งสามารถปรับพรีโหลดได้

ในส่วนของระบบเบรกนั้นด้านหน้ามาพร้อมดิสก์เบรกคู่กับคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema ด้านหลังใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo M4.32 เพื่อให้เหมาะสมกับพละกำลังและขนาดตัวรถ และสุดท้ายของช่วงล่างคือล้อและยางจะมีขนาด 150/80 R17 V และ 240/50 R16 V หน้าและหลังตามลำดับ

เทคโนโลยี

พูดถึงเรื่องของเทคโนโลยีกันบ้าง ก็บอกเลยว่าให้มาแน่น ๆ อยู่ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสี TFT ไฟ LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ โหมดการขับขี่ 4 โหมด ระบบช่วยหยุดรถบนเนิน ระบบครูซคอนโทรล ระบบแทร็คชันคอนโทรลและระบบเบรก Conering ABS ที่ทำงานร่วมกับระบบ IMU ระบบคีย์เลส ไฟแบ็กไลท์สวิตช์ควบคุมต่าง ๆ ช่องจ่ายไฟแบบ USB และอุ่นมือสำหรับรุ่น GT

สุดท้ายเรื่องของการวางจำหน่าย สำหรับตัว R หรือตัวโร้ดสเตอร์นั้นมีราคาที่ 23,195 ปอนด์หรือราว ๆ 1,070,000 บาท ส่วนตัว GT ก็จะมีราคาที่ 1,100,000 บาท ถ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยก็น่าจะมีราคาแพงขึ้นไปอีกพอสมควร เนื่องจากโมเดลปัจจุบันที่ขายไทยในตอนนี้เริ่มต้นที่ 955,000 บาท โดยส่วนตัวคาดว่าจะบวกขึ้นไปอีกสักประมาณ 1-2 แสนบาท ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อดใจรอราคาประเทศไทยเอานะครับ สำหรับสาวกครูเซอร์ไซส์เบิ้ม คันนี้เรียกว่าขี่ไปไหนใครก็ต้องเหลียวแน่นอนครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

ยางซอฟต์จาก Pirelli หนุนนักแข่ง Moto2, Moto3 ทุบสถิติ

ยางซอฟต์จาก Pirelli หนุนนักแข่ง Moto2, Moto3 ทุบสถ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version