New Ducati Monster อสูรร้ายตัวใหม่มีอะไรใหม่บ้าง? 

Admin Superbike

New Ducati Monster อสูรร้ายตัวใหม่มีอะไรใหม่บ้าง? 

New Ducati Monster 2021

เป็นเวลานานเกือบๆ 20 ปีแล้วที่ Monster รถสไตล์เน็กเก็ดไบค์ที่มีส่วนผสมระหว่างเครื่องยนต์ในแบบสปอร์ต แต่ก็เหมาะกับการใช้งานบนท้องถนนทั่วไป และเฟรมที่ถ่ายถอดเทคโนโลยีมาจากรถซูเปอร์ไบค์ เกิดเป็นรถที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมจุดสังเกตที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเฟรมถักขนาดใหญ่ใต้ถังน้ำมัน ทว่าตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว 

นับตั้งแต่โมเดลแรกอย่างเจ้า 900 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 รถในตระกูลมอนสเตอร์ของ Ducati ก็มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนามาโดยตลอด กลายเป็นรถยอดนิยมโมเดลนึง และกลายเป็นโมเดลขายดีตลอดกาลของทางค่ายแดง โดยมียอดการผลิตสะสมมากกว่า 350,000 คันเลยทีเดียว 

New Ducati Monster หรือเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหม่นี้ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมไว้ คือเครื่องยนต์สมรรถนะดี ขี่ง่าย เหมาะกับการใช้งานบนท้องถนนทั่วไป เพียงแต่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย

 

ดีไซน์ใหม่หมด 

วิศวกรและนักออกแบบได้ออกแบบมันขึ้นมาใหม่หมดตั้งแต่ต้น โดยมีพอยต์หลักๆ ว่ารถคันใหม่จะต้อง ปราดเปรียว คล่องตัว และจะต้องโดดเด่นเป็นที่จดจำได้ในทันที เริ่มจาก ถังน้ำมันทรงหลังควายไบซัน ไฟหน้าโค้งมนฝังตัวลงไปในกรอบโคมไฟ ไฟเลี้ยวหน้าใหม่แบบไฟกวาดด้านข้างถังน้ำมันสวยงามไม่เหมือนใคร ท้ายที่ดูเรียบๆ คลีนๆ และสุดท้ายคือมีเครื่องยนต์เป็นพระเอกอยู่ที่กลางตัวรถ 

 

เครื่องยนต์ใหม่

เปลี่ยนจากเครื่องยนต์เดิมเป็น Testastretta 11° 937 ซีซี เป็นเครื่องยนต์แบบแอลทวินที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 แล้ว หากเทียบกับโมเดลเก่าอย่าง 821 นอกจากจะมีความจุ พละกำลัง แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้นแล้ว เครื่องยนต์ยังเบากว่าเดิม 2.4 กิโลกรัม ทำให้ตัวรถเบาและขับขี่ได้ดีขึ้นอีกด้วย 

โดยเคลมตัวเลขแรงม้ามาที่ 111 แรงม้าที่ 9,250 รอบ และแรงบิดที่ 93 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ เรียกว่ามีกำลังที่ดีตั้งแต่รอบต้น-กลางเลยทีเดียว นอกจากนี้โมเดลใหม่นี้ยังใส่ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทางจากโรงงานมาให้ด้วยเลย 

 

แชสซีและช่วงล่างใหม่

แน่นอนว่าจุดประสงค์หลังของการปรับเปลี่ยนแชสซีใหม่คือการรีดน้ำหนักตัวรถให้เบา เพื่อให้การขับขี่ที่ดีและสนุกมากขึ้น เฟรมด้านหน้าทำจากอลูมิเนียมลอกแบบมาจาก Panigale V4 ซึ่งเบากว่าเฟรมถักแบบเดิมถึง 4.5 ก.ก. เหลือเพียง 3 ก.ก.เท่านั้น ทำให้น้ำหนักเหลือเพียง 166 ก.ก.เท่านั้น 

นอกจากไล่เบากันที่แชสซี ยังไปไล่เบากันที่ส่วนอื่นอีก เช่น ล้อเบาขึ้น 1.7 กิโลกรัม สวิงอาร์มเบากว่าเดิม 1.6 กิโลกรัม ซับเฟรมท้ายเองก็ลงลงมาอีก 1.9 กิโลกรัม ด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง GFRP หรือ Glass Fibre Reinforced Polymer หรือก็คือโพลิเมอร์เสริมแรงด้วยกลาสไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักโดยรวมเบากว่าเจ้า 821 ถึง 18 กิโลกรัม 

 

ปรับมิติท่านั่งใหม่

และเพื่อให้ขี่ง่ายก็มีการปรับรูปทรงใหม่ในหลายๆ ส่วน เบาะนั่งสูงจากพื้น 820 ม.ม. เมื่อบวกรวมกับความเพรียวของรถ ทำให้ขาถึงพื้นได้ง่ายขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้กับไบค์เกอร์ได้มากขึ้น 

และเพื่อให้ความคล่องตัวสูงสุด แม้ในย่านความเร็วต่ำ มีการเพิ่มองศาการเลี้ยวให้มากขึ้นอีก 7 องศาเป็น 36 องศา ทั้งยังปรับให้แฮนด์บาร์ให้โน้มเขาหาตัวอีก 7 ซ.ม.เพื่อให้ได้ท่าขับขี่ที่หลังตรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มความสบายและการควบคุมให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าทำให้ผู้ขับขี่ซอกแซกไปตามท้องถนนในเมืองได้ง่ายมากขึ้นด้วยนั่นเอง

 

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่

แน่นอนว่าโมเดลใหม่ก็ต้องอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ เข้าไปเพื่อช่วยทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและช่วยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น โดยตัวโมเดลใหม่นี้มีระบบเบรกแบบ Cornering ABS แทร็คชั่นคอนโทรล ระบบป้องกันล้อลอยตัว ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถปรับระดับการทำงานได้หมด 

นอกจากระบบเสริมความปลอดภัยข้างต้น ยังมีระบบช่วยออกตัว เพื่อช่วยในการขับขี่ให้ได้ฟีลลิ่งแบบสปอร์ตที่มากขึ้นอีกด้วย มีโหมดการขับขี่ 3 โหมดได้แก่ Sport, Urban และ Touring ช่วยให้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์และความชอบได้อีกด้วย

 

และยังมีหน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 4.3 นิ้วที่สามารถควบคุมการใช้งานที่แฮนด์บาร์ได้เลย 

ทั้งนี้เจ้าอสูรร้ายตัวใหม่เนี่ยจะมีจำหน่ายด้วยกัน 3 เฉดสี ได้แก่ สีแดง สีเทา และสีดำ และสำหรับคนที่ชอบความสปอร์ต Ducati ยังมีโมเดล Monster Plus หรือ Monster+ ที่มาในเฉดสีแบบเดียวกันแต่มีชิลด์ขนาดเล็กด้านหน้าพร้อมกับครอบเบาะท้ายติดรถมาให้ด้วยเลย โดยจะเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน 2021 

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

New CBR150R 2020 สเปก และราคา

New CBR150R 2020 สเปก และราคา New CBR150R 2020 สปอ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version