Multistrada V4 2021 สายลุยมาดเข้มเปิดตัวแล้ว
หลังจากยั่วเย้าแฟนๆ สายทัวริ่ง สายลุยด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเรดาร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่ช่วยให้มีระบบเสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัยในแบบที่เรียกว่ายกระดับวงการมอเตอร์ไซค์ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็ได้ฤกษ์เผยโฉมหน้า Ducati Multistrada V4 2021 สักที
สำหรับโมเดลนี่ก็นับเป็นมัลติสตราดาเจเนอเรชั่นที่ 4 แล้วครับ โดยตลอด 18 ปีที่ผ่านมาของรถในตระกูลนี้ก็ผลิตรถขายไปแล้วกว่า 110,000 คัน โดยแต่ละเจเนอเรชั่นก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด และในโมเดลนี้ก็จะมีไฮไลต์เด่นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์คันแรกที่มีระบบเรดาร์ใช้งาน
ดีไซน์หล่อล้ำดุดัน
ดีไซน์ใหม่ของมันออกแบบมาโดยมีความมุ่งหมายให้มันมากกว่าแค่ความสวยงาม มันต้องรอบการใช้งานจริงได้ด้วย เช่น การมาของระบบเรดาห์ซึ่งจะต้องติดตั้งไว้ด้านหน้าและด้านท้ายรถโดยที่ไม่มีอะไรบัง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องออกแบบให้สวยงามกลมกลืนไปกับตัวรถ อีกทั้งต้องคำนึงถึงเรื่องระบบแอโรไดนามิกอีกด้วย
ตัวรถมีดีไซน์ที่หล่อเหลาดุดัน ด้านหน้าดูแน่นหนาดุจชายอกสามศอกกล้ามโต ซึ่งเป็นที่อยู่ของถังน้ำมันขนาดใหญ่ 22 ลิตร ส่วนด้านท้ายเพรียวบางเหมือนลืมเล่นกล้ามขาให้ได้อย่างที่ควร แต่มันมีข้อดีคือช่วยให้การยืนขับขี่เวลาต้องลุยนอกเส้นทางถนนทำได้ง่ายอย่างที่ควรจะเป็น
ไฟหน้าดีไซน์ใหม่นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากสปอร์ตไบค์เรือธงของทางค่ายอย่างเจ้า Panigale ทำให้เจ้ามัลติคันนี้มีความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และรับรู้ได้ทันทีว่านี่แหละรถดูคาติ นอกจากนี้ส่วนหน้าของรถทุกชิ้นตั้งแต่ชิลด์หน้า แฟริ่งหน้า ยันปากนกด้านล่าง ช่องลม ล้วนถูกออกแบบมาให้รองรับแอโรไดนามิกและเรื่องของอุณหภูมิความร้อน
เครื่องยนต์ใหม่แรงและเนียน
ใช้ขุมพลังใหม่ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซีซี ที่ให้กำลังแรงม้า 170 แรงม้าที่ 10,500 รอบ แรงบิด 125 นิวตันเมตร 8,750 รอบ เคลมมาว่าจะให้กำลังที่สมู้ทมากๆ และตอบสนองต่อคันเร่งได้แบบดังใจ แถมยังบอกเป็นนัยเรื่องความทนทานมากๆ เพราะว่ามีระยะเช็ควาล์วนานถึงตอน 60,000 ก.ม.กันเลยทีเดียว
ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพียบ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่เข้ามานั้นมีส่วนช่วยในหลายเรื่องทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และสมรรถนะ แน่นอนว่ามีระบบหน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยอย่าง IMU ที่ทำงานร่วมกันกับระบบอื่นๆ ได้แก่ ระบบเบรกแบบ Cornering ABS ระบบป้องกันล้อลอยตัว ระบบแทร็คชั่นคอนโทรล และในโมเดล S ก็จะเพิ่ม ระบบไฟหน้าแบบ Cornering Light ระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน ระบบช่วงล่างปรับไฟฟ้าที่พัฒนามาอีกระดับ
หน้าจอเรือนไมล์สีขนาด 6.5 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลและภาษาได้ โดยโมเดล S ก็จะเพิ่มจอยสติ๊กสำหรับควบคุมใช้งานเมนูต่างๆ ของเรือนไมล์ได้ง่ายได้ยิ่งขึ้น ตัวจอใหม่นี้ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธหรือไวไฟเพื่อใช้งานสมาร์ทโฟนได้ในแบบหน้าจอเสมือนสมาร์ทโฟนและควบคุมผ่านจอยสติ๊กได้อีกด้วย มีระบบนำทาง Sygic ในตัว และพิเศษกว่าที่เคยคือบริเวณส่วนบนของถังน้ำมันจะมีช่องเก็บสมาร์ทโฟนและมีช่องจ่ายไฟด้านในแบบ USB ให้อีกด้วย
และทีเด็ดที่สุดคือระบบเรดาร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งระบบอะแด็ปทีฟครูซคอนโทรล และระบบบลายด์สปอร์ตดีเท็กชัน หรือระบบแจ้งเตือนในมุมอับที่บริเวณด้านหลังรถได้อีกด้วย
ช่วงล่างและมิติรถสปอร์ตมากขึ้น
เจ้ามัลติสตราดาโมเดลใหม่นี้ใช้เฟรมแบบโมโนค็อกอลูมิเนียม ระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาใหม่ มีการใช้โช้คหน้าแบบหัวกลับระยะยุบ 170 ม.ม. ด้านหลังเป็นสวิงอาร์มคู่ร่วมกับโช้คเดี่ยวระยะยุบ 180 ม.ม. ซึ่งแปลกไปจากสไตล์ของดูคาติที่เคยใช้สวิงอาร์มเดี่ยว มีขนาดล้อหน้า 19 นิ้วและล้อหลัง 17 นิ้วตามลำดับ ล้อซี่ลวดจะเป็นออปชั่นเสริม
มีระยะฐานล้อที่สั้นลง ขับขี่ในแบบสปอร์ตได้มากขึ้น มีระยะห่างระหว่างตัวรถถึงพื้น 220 ม.ม.และน้ำหนักรถเปล่าเพียง 215 ก.ก. ทำให้เจ้านกยักษ์คันนี้สามารถมีความคล่องตัวสูงทั้งในแบบของออนโร้ดและออฟโร้ด
3 รุ่นย่อยให้เลือกตามงบและความชอบ
เจ้ามัลติสตราดาวีโฟร์คันนี้จะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยด้วยกันได้แก่ รุ่น สแตนดาร์ด รุ่น S และรุ่น S Sport ซึ่งก็จะมีรายละเอียดต่างกันไปดังนี้
รุ่นสแตนดาร์ด
- สี
- สีแดง ล้อสีดำ
- ฟีเจอร์หลัก
- โช้ค Marzocchi ด้านหน้าโช้คหัวกลับขนาด 50 ม.ม. ปรับแต่งได้ โช้คหลังเดี่ยวปรับแต่งได้ ระยะยุบ 170 ม.ม.และ 180 ม.ม. ตามลำดับ
- ยาง Pirelli SCORPION™ Trail II ขนาด 120/70-19” และ 170/60-17” ตามลำดับ
- ระบบเบรก Bosch-Brembo 10.3ME Cornering ABS system
- จานเบรกหน้าขนาด 320 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์ Brembo M4.32 4 พ็อต
- ไฟหน้า LED และเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์
- หน้าจอแสดงผลสี TFT ขนาด 5 นิ้ว
- ระบบ Ducati Multimedia System (DMS)
- ระบบวัดแรงเฉื่อย Inertial Measurement Unit (IMU) Bosch
- โหมดควบคุมกำลังเครื่องยนต์หรือ Power Mode
- ไรดิ้งโหมด
- ระบบกันล้อลอยตัว Ducati Wheelie Control (DWC)
- ระบบแทร็คชั่นคอนโทรล Ducati Traction Control (DTC) EVO
รุ่น S
- สี
- สีแดง ล้อดำเงาและแท็กสีแดง
- สีเทาล้อดำเงาและแท็กสีแดง
- ฟีเจอร์หลักๆ เหมือนกับรุ่นสแตนดาร์ด แต่มีการเปลี่ยนหรือเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
- ระบบกันสะเทือนปรับไฟฟ้า Ducati Skyhook Suspension Evolution พร้อมโช้ค Marzocchi และระบบ Autoleveling
- มีให้เลือกระหว่างล้ออัลลอยหรือล้อซี่ลวด
- ดิสก์เบรกหน้าขนาด 330 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์ Brembo Stilema 4 พ็อต
- ไฟหน้า LED และเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ พร้อมระบบคอร์เนอริ่งไลท์ Ducati Cornering Lights (DCL)
- ระบบสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
- หน้าจอแสดงผลสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว
- ระบบเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผลเข้ากับสมาร์ทโฟนและระบบนำทาง Ducati Connect
- ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง Ducati Quick Shift (DQS) Up&Down
- ระบบครูซคอนโทรล
- ระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน
รุ่น S Sport
- สี
- ลายกราฟิก Sport Livery พร้อมล้อสีดำเงาและแท็กสีแดง
- ฟีเจอร์หลักๆ เหมือนกับรุ่น S แต่มีการเปลี่ยนหรือเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
- ท่อ Akrapovic แบบคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียม
- บังโคลนหน้าคาร์บอนไฟเบอร์
ส่วนสนนราคานั้นยังคงต้องรอลุ้นกันไปก่อนนะครับ ซึ่งราคาอาจจะแพงกว่าเดิมเล็กน้อยก็เป็นได้ ทั้งนี้นี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้นนะครับ งานนี้ใครชอบนี่เก็บเงินรอได้เลยครับ ยังไงก็เข้าไทยแน่นอน หน้าจะงาน Motor Show ในช่วงต้นปี 2021 หรือในช่วงต้นปีหน้า
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก