PIRELLI DIABLO ROSSO II ชนะในการทดสอบยางของนิตยสาร Moto Magazine ปี2012 เพื่อตัดสินว่าใครเจ๋งที่สุด

เมื่อตอนสิงหาคม 2012 นิตยสารมอเตอร์ไบค์เบอร์ 1 ของฝรั่งเศส Moto Magazine จับยาง “สปอร์ตถนน” รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2012 ของแบรนด์ท๊อปของโลก 6 ยี่ห้อมาวัดประสิทธิภาพกัน

เรามาดูบททดสอบในอดีตกัน เพราะยางรุ่นเก่าเหล่านี้ก็ยังมีขายอยู่ในปัจจุบันในราคาย่อมเยาว์กว่ายางรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งภาษาการตลาดเรียกว่า Second Line หรือสินค้าเกรดสองนั่นเอง

Moto Magazine:
นี่คือยางสำหรับโร้ดสเตอร์และมอเตอร์ไบค์รุ่นอื่นๆ ที่มีคาแรกเตอร์ออกไปในทางสปอร์ต โดยยางที่เรานำมาทดสอบเปรียบเทียบนั้นทุ่มเทใส่ใจในเรื่องของประสิทธิภาพอย่างมาก เราจึงจัดบททดสอบ 4 หัวข้อเพื่อตัดสินว่าใครเจ๋งที่สุด

ช่างเป็นยางที่ใช้งานได้คล่องตัวดีแท้ สำหรับยางกลุ่มสปอร์ตโร้ดแล้วนั้น มันสามารถที่จะใช้งานตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน ขี่ออกไปใช้ชีวิตในวันหยุด สนุกกับการขับขี่ในสนาม ขณะเดียวกันก็ประหยัดเงินในกระเป๋า ยางกลุ่มนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างยางสปอร์ตทัวริ่งที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าแต่ทำเวลาแล็ปในสนามได้ไม่ดีนัก (Michelin Pilot Road 3, Bridgestone BT-023 และอื่นๆ) และยางสปอร์ตที่เน้นใช้ในการแข่งและการฝึกซ้อมสนาม (Pirelli Diablo Rosso Corsa, Dunlop D211 GP Racer และอื่นๆ) แน่นอนว่ารถที่จะใช้ยางในกลุ่มนี้เป็นหลักก็จะต้องเป็นสปอร์ตไบค์และเน็กเก็ตโร้ดสเตอร์นั่นเอง

การทดสอบเปรียบเทียบของเราเลือกเฉพาะรุ่นใหม่ๆ โดยมียางรุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อเนื่องจากเจเนอเรชั่นเก่า (Pirelli Diablo Rosso 2, Continental ContiSportattack 2, Michelin Power Pure D) มาทดสอบด้วย อีกเหตุผลนึงสำหรับการเปลี่ยนแปลงคือการปฏิวัติทางเทคโนโลยีของมอเตอร์ไบค์ ซึ่งเราจะเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงพัฒนาส่วนต่างๆ ของรถ และที่สำคัญคือพละกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การทดสอบทั้งหมดของเราก็จะใช้รถ BMW S 1000 RR ในการทดสอบโดยมีผู้ทดสอบคือ Camille Hedelin ที่เป็นนักแข่งที่คุ้นเคยกับรถ BMW S 1000 RR กับยางสลิกเพราะเขาแข่งในรายการ France superbike โดยทำการทดสอบขับขี่บนท้องถนนและในสนาม ทั้งแห้งและเปียก โดยมีเกณฑ์การประเมินหลักๆ ในเรื่องของการเบรคทั้งบนพื้นแห้งและเปียก ความเสถียร ความคล่องตัว และการขับขี่บถนนเปียก หลังการทดสอบเขาถึงกับประทับใจและบอกกับเราว่า “สำหรับยางขี่ถนนเหล่านี้แล้ว ผมพบว่าระดับของสมรรถนะนั้นเพียงพอที่จะขี่ในสนามได้อย่างสนุกสนาน และยังมีเรื่องของความทนทานที่ทำให้สามารถขี่กลับบ้านได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางไปมา”

ในทางเทคนิค การที่จะทำให้ยางนั้นใช้งานได้หลากหลายแบบนี้ ผู้ผลิตจะต้องใช้สูตรผสมยางที่หลากหลาย ในระยะหลังๆ เทคโนโลยียางสองคอมปาวด์ เนื้อยางแบบฮาร์ดที่ตรงกลางเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน และด้านข้างแบบนุ่มเพื่อการยึดเกาะที่มากขึ้นเวลาเข้าโค้ง ซึ่งมีให้เห็นในยางหลังแทบทุกค่ายแล้ว มีเพียง Metzeler sportec M5 ที่ยังใช้คอมปาวด์เดี่ยว ส่วน Continental นั้นใช้วิธีการพิเศษทำให้ยางมีคุณสมบัติแบบ 2 คอมปาวด์โดยที่เป็นยางเนื้อเดียวกัน

สิ่งที่แตกต่างกันและมีความสำคัญซ่อนอยู่ใต้ยางครับ มันคือโครงสร้างของยางซึ่งออกแบบมาให้ทนต่อแรงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ในสนาม และการขับขี่ที่ความดันลมยางต่ำ อย่างไรก็ดีราคาของยางกลุ่มนี้ไม่ได้แพงอะไรมากนักเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าที่ได้