Moto Guzzi V100 Mandello มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต

Admin Superbike

Moto Guzzi V100 Mandello มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต

Moto Guzzi V100 Mandello 2022

แฟน ๆ ชาวสองล้อหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับมอเตอร์ไซค์ในสไตล์คลาสสิคเครื่องวีวางขวางจากทางค่ายรถอินทรีย์ผงาด โมโต กุซซี่ ทว่าคราวนี้ทางค่ายมาในแนวทางใหม่ มุ่งหน้าสู่อนาคต ด้วยมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ ล้ำ ๆ ในแบบคันแรกของโลกกับเจ้า Moto Guzzi V100 Mandello

ปี 2021 นี้เป็นปีที่ทางค่ายมีอายุครบ 100 ปีหรือ 1 ศตวรรษเป็นหมุดหมายที่สำคัญมากของทางแบรนด์ และเมื่อบวกรวมกับเมือง Mandello del Lario ที่ตั้งโรงงานของทางค่ายแล้ว จึงกลายเป็นที่มาของชื่อโมเดลสุดล้ำคันนี้

โมเดลนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวบทใหม่ของทางแบรนด์ มันเป็นรถที่ขบถ ไม่ยึดติดอยู่กับสไตล์ใดสไตล์หนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มันผสมผสานสไตล์หลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ทั้งยังดูดีรสนิยมที่ยอดเยี่ยมและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของการเดินทาง

ตัวรถจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก ๆ เนื่องจากทางค่ายปูพื้นให้มันกลายเป็นโมเดลที่จะนำพาแบรนด์มุ่งหน้าไปสู่อนาคตด้วยโซลูชันทางนวัตกรรมอันชาญฉลาดและระบบแอโรไดนามิกส์ที่ปรับเปลี่ยนได้

ดีไซน์ของรถยังคงมีเอกลักษณ์ในแบบพิเศษของทางค่ายคือการวางเครื่องวีแบบวางขวาง มีทรวดทรงที่ให้กลิ่นอายผสมผสานของความย้อนยุคและการตีความในแบบสมัยใหม่ สังเกตได้จากทรงของถังน้ำมัน เครื่องยนต์แบบวางขวาง แผงข้างบริเวณด้านล่างของเบาะนั่ง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโมเดล Le Mans ปี 1976 และแฟริ่งด้านบนสุดก็ได้แรงบันดาลใจมาจากโมเดล Le Mans 850 III ปี 1981

สำหรับโมเดลนี้จะใช้เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่แบบเครื่องสองสูบวี 90 องศาแบบวางขวางระบายความร้อนด้วยน้ำที่ออกแบบและพัฒนาให้มีความกะทัดรัดและน้ำหนักเบา โดยเครื่องยนต์จะมีขนาดความจุ 1,042 ซีซี โดยเคลมแรงม้าสูงสุดมาที่ 115 แรงม้า และมีแรงบิด 105 นิวตันเมตร โดยยังระบุเพิ่มเติมอีกว่ามีแรงบิดให้ใช้มากถึง 90% ตั้งแต่รอบต่ำ ๆ เพียง 3,500 รอบ โดยโมเดลนี้จะใช้ระบบส่งกำลังด้วยเพลา

ในด้านของช่วงล่างนั้นตัวรถจะมีแชสซีที่ออกแบบมาให้กะทัดรัดและควบคุมตัวรถได้ดีทั้งในโค้งและทางตรง โดยไม่ทิ้งความนิ่งเสถียรเวลาขับขี่ทางตรงยาว ๆ ไกล ๆ โดยระบบกันสะเทือนจะเลือกใช้ระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจากทาง Ohlins (เฉพาะตัวท็อป) และระบบเบรกจากทาง Brembo

มาถึงไฮไลต์ชูโรงของโมเดลนี้ที่เรียกว่าเป็นคันแรกในโลกกันดีกว่าครับ ซึ่งก็คือระบบอะแดปทีฟ แอโรไดนามิกส์ (Adaptive Aerodynamics) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ด้วยการเพิ่มการป้องกันลม โดยระบบจะทำหน้าที่ปรับตัวดีเฟล็กเตอร์ที่ด้านข้างถังน้ำมันขนาด 17.5 ลิตรของมันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเร็วและโหมดการขับขี่ที่เลือก

โดยเมื่อเจ้าตัวดีเฟล็กเตอร์ที่หน้าตาเหมือนปีกตัดลมนี้ยกสูงเต็มที่จะลดแรงลมปะทะที่จะกระทำต่อผู้ขับขี่ได้มากถึง 22 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ขณะเดียวกันตัวรถเองก็มีชิลด์บังลมหน้าเองก็สามารถปรับความสูงด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย

นอกจากนี้ตัวรถยังเต็มไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบประมวลผลแรงเฉื่อย 6 แกน ทำงานร่วมกับ ECU ของ Marelli 11MP ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ 4 โหมด แทร็คชันคอนโทรล 4 ระดับ เอ็นจิ้นแม็พ 3 แม็พ เอ็นจิ้นเบรกอีก 3 ระดับ ระบบครูซคอนโทรล ระบบเบรกแบบ Cornering ABS

ตัวรถมีการใช้หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ไฟแบบ LED เต็มระบบพร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์ และระบบไฟส่องสว่างในโค้งเพิ่มทัศนวิสัยเวลาเข้าโค้ง เรียกได้ว่ามีระบบช่วยเหลือทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย

สุดท้ายนี้ตัวรถจะจำหน่าย 2 เวอร์ชันคือ ตัวแสตนดาร์ด และตัวท็อป โดยตัวท็อปจะมาเพิ่มเติมระบบกันสะเทือนปรับไฟฟ้า ควิกชิฟเตอร์ อุ่นมือและระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และจะจำหน่ายด้วยกันสองเฉดสีคือ สีเขียว และสีแดง อย่างไรก็ดียังไม่มีรายละเอียดเรื่องของราคาและวันวางจำหน่ายในขณะนี้

อ่านข่าวอื่น ๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

Honda Forza 750 2021 สเปก และรายละเอียดต่าง ๆ

Honda Forza 750 2021 สเปก และรายละเอียดต่าง ๆ &nbs […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version