Words: Mat Oxley Translate & Edit: Benz
Marc Marquez คือนักแข่ง MotoGP ที่โดดเด่นมากที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ เขาขี่สไลด์ทั้งล้อหน้าและล้อหลังไปในทุกๆ โค้ง แล้วอะไรคือความลับอะไรคือเทคนิคของแชมป์โลก MotoGP 4 สมัยคนนี้กันนะ?
‘ช่วงสามฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านมาของ MotoGP จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดคือการเข้ามาของ Michelin เพราะยางเข้ามาเปลี่ยนแปลงบาลานซ์ของรถไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณจำได้ตอนที่ทุกคนได้ลองใช้ยาง Michelin ตอนปลายปี 2015 นั้นจะเห็นได้ว่ามันมีการล้มเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในช่วงแรก เพราะบาลานซ์ของรถที่ได้ยาก Bridgestone นั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ยางหน้าของ Bridgestone นั้นดีทว่ายางหลังนั้นไม่เกาะ ส่วน Michelin นั้นตรงกันข้าม ดังนั้นตอนแรกเราก็เลยต้องปรับรถและสไตล์การขับขี่ของเราเล็กน้อย นอกจากนี้พอเราเปลี่ยนซอฟต์แวร์ใหม่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอีก เพราะก่อนที่คุณจะสามารถใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถเพื่อให้ขี่ได้เร็ว ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม กลายเป็นว่ายิ่งระบบอิเล็กทรอนิกส์น้อยกลับช่วยให้ขี่ได้เร็วขึ้น เพราะซอฟต์แวร์มันทำงานในแบบที่ต่างออกไป
ด้วยซอฟต์แวร์จากโรงงาน คุณจะสามารถวางใจในระบบอิเล็กทรอนิกส์และขี่ในแบบที่คุณต้องการได้เลย ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้คุณจะขี่ได้เร็วขึ้น แต่ตอนนี้เป็นตรงกันข้าม คุณจะต้องขี่โดยไม่พึ่งพามันมากจนเกินไปและจะต้องจัดการมันให้สมู้ท คุณจะได้ไม่ไปขัดกับระบบอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับผมแล้ว ยิ่งระบบน้อยมันยิ่งดี เพราะทุกอย่างมันอยู่ในมือ ในร่างกาย ในตัวคุณเอง แต่มันจะดีถ้าหากคุณอยู่ร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซอฟต์แวร์ที่เรามีไม่ได้เลวร้าย แต่มันดีที่จะขี่กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูงๆ เพราะคุณสามารถที่จะโฟกัสไปที่สิ่งอื่นๆ ได้ แค่เปิดคันเร่งเต็มที่และพยายามทำให้ดีที่สุด ดังนั้นมันจึงง่ายกว่า
ก่อนที่ซอฟต์แวร์ควบคุมจะมีใช้ เราสามารถใช้แทร็คชั่นคอนโทรลหยุดอาการสไลด์ได้มากกว่านี้ แต่ยางหลัง Michelin นั้นหมุนในแบบที่ต่างออกไปเมื่อเทียบกับ Bridgestone ดังนั้นคุณต้องเข้าใจถึงวิธีที่จะขี่ได้เร็ว โดยปล่อยให้มันหมุนเล็กน้อย เพราะรถยังคงพุ่งไปด้านหน้า ผมชอบให้มันหมุนจากรอบต่ำๆ และพยายามพุ่งไปข้างหน้า แต่ถ้าหมุนมากเกินไป มันก็จะมีควันเกิดขึ้น ดังนั้นคุณต้องพยายามหาจุดที่มันพอดี โดยไม่ให้แทร็คชั่นฯทำงาน
รักษาอาการหน้าสไลด์ยังไง?
หลายๆ คนถามผมว่าผมทำได้ไง แม้แต่ในทีมผมเอง มันเป็นอะไรที่มันเกิดขึ้นกับผม ล้อหน้าผมชอบเสียอาการและสิ่งที่ผมทำคือกดศอกผมลงมา จากนั้นมันก็ขึ้นกับสถานการณ์ บางครั้งผมเปิดคันเร่ง บางครั้งผมปิดคันเร่งและรอ แต่มันยากที่จะอธิบายให้เข้าใจน่ะครับ!
นอกจากนี้มันยังขึ้นอยู่กับว่าผมใช้ยางอะไร ถ้าล้อหน้าเสียอาการตอนที่ใช้ยางแข็งผมก็จะล้ม แต่ถ้าผมใช้ยางนุ่มๆ ผมก็อาจจะรอดจากการล้มได้ ตัวอย่างเช่นที่ Jerez ในปีนี้ที่ผมล้มไป 3 ครั้งในช่วงที่ฝึกซ้อมและในช่องวอร์มอัพตอนเช้า เพราะวางหน้านั้นแข็งมากๆ และนี่คือยางที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งเรซนี้ พอหน้ารถเสียอาการตอนที่ใช้ยางแข็งๆ นั้นทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วกว่ามากๆ
วิธีการใช้ยางนั้นเปลี่ยนไปอย่างไร?
พอมาใช้ Michelins คุณจะต้องใช้การยึดเกาะที่ยางหลังมากขึ้น กลับกันตอนที่ใช้ Bridgestones มันกลับเป็นยางหน้า ทำให้คุณเบรคลึกมากๆ เข้าไปในโค้งได้ แต่ยาง Michelin คุณจะเบรคลึกได้น้อยลง ไปใช้ยางหลังในการเร่งความเร็วออกจากโค้งแทน ความเร็วในโค้งนั้นใกล้เคียงกันทั้ง 2 แบรนด์ แต่เวลาคุณต้องการเบรคในโค้งด้วยยาง Bridgestones คุณก็จะเบรคได้ และคุณอยากจะเร่งความเร็วด้วยยาง Michelin คุณก็สามารถเปิดคันเร่งและใช้การยึดเกาะให้เต็มที่ได้เลย
เนื่องจากมีการเปลี่ยนยาง รถก็เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลงมิติของรถตามไปด้วย ตอนที่เราเปลี่ยนมาใช้ Michelin ผมลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ผมเปลี่ยนสไตล์การขับขี่ ใช้เบรคหลังมากขึ้น เปิดคันเร่งเร็วขึ้น เปิดช้าลง ใช้ความเร็วในโค้งน้อยลง ใช้ความเร็วในโค้งมากขึ้น กระทั่งเปลี่ยนมิติของรถ ตอนนี้เราใช้รถที่มีน้ำหนักตกมาที่ด้านหน้ามาก ซึ่งจะช่วยให้ยางหลังเป็นอิสระมากขึ้น ผมรู้สึกดีขึ้นกับรถแบบนี้ แต่บางทีนักแข่ง Honda คนอื่นๆ อาจจะรู้สึกตรงกันข้ามกับผม อย่างไรก็ตามรถที่น้ำหนักค่อนไปทางด้านหน้ามันทำให้ผมรู้สึกว่าผมสามารถเปิดคันเร่งได้เร็วขึ้น เพราะรถมันพร้อมมากกว่า
ตอนเราใช้ Bridgestones เราเคยใช้รถที่น้ำหนักค่อนไปท้ายรถ เพราะล้อหลังนั้นเกิดอาการสไลด์บ่อยๆ เวลาเข้าโค้ง และสไลด์มากขึ้นไปอีกเวลาออกจากโค้ง พอใช้ยาง Michelin คุณลืมเรื่องแบบนี้ไปได้เลย เพราะกริพที่ล้อหลังดีมาก ดังนั้นคุณสามารถใช้ยางหลังได้เต็มที่ จากนั้นค่อยไปใส่ใจกับยางหน้า นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมมักจะใช้ยางหน้าแบบฮาร์ดอยู่เสมอ
ทำไมไม่สไลด์เข้าโค้งอีกแล้ว?
เพราะการยึดเกาะของยางหลัง ยางหลัง Michelin มีการยึดเกาะที่ดีกว่า ดังนั้นมันจึงยากที่จะสไลด์และถ้าคุณต้องสไลด์มันจะแคบกว่า ดังนั้นถ้าผมสไลด์ตอนเข้าโค้ง มันจะเป็นปัญหา เพราะผมจะพลาดเอเป็กซ์โค้ง
ผมปรับตัวกับแทร็กและการยึดเกาะที่แตกต่างกันของแต่ละสนามได้อย่างไร?
ผมคิดว่าเหตุผลหลักที่ผมสามารถปรับตัวได้คือผมซ้อมขี่โมโตครอสมาเยอะมาก ในการขี่โมโตครอสคุณสามารถขี่บนสนามเดียวตลอดเวลา แต่จากตอนที่วิ่งช่วงแรกของวันไปจนถึงช่วงสุดท้ายของวัน มันจะเป็นสนามคนละสนามเลยล่ะครับ จริงๆ เรียกว่าต่างกันทุกแล็ปเลยดีกว่า ดังนั้นคุณต้องปรับตัวตลอด ตอนที่คุณขี่ในตอนเช้ามันอาจจะเปียก มันก็จะมีการยึดเกาะที่มากกว่า ต่อมาในช่วงกลางวันมันก็แห้ง มันก็จะมีการยึดเกาะน้อยลง ในการแข่งขันมันก็เป็นเหมือนกันนี่ล่ะครับ
ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมไม่คิดว่าผมจะรอดจากอาการหน้าสไลด์ไปได้ยังไง ผมเริ่มต้นจากเดิร์ทแทร็คและโมโตรอสตั้งแต่ผม 5 ขวบ ด้วยประสบการณ์ที่ผมมีจากตอนเด็ก มันช่วยให้ผมรอดจากการล้มมาได้ 3 ถึง 4 ครั้งในหนึ่งแล็ปเลยล่ะครับ และถ้าคุณล้ม มันก็ไม่เสียหายอะไร เพราะคุณก็แค่เก็บรถขึ้นมาและไปต่อ แล้วจากนั้นล่ะก็คุณก็จะเริ่มรู้ลิมิตล่ะ
เทคนิคเดียวไม่พอแล้วใช่มั้ย?
ตอนนี้ระดับของ MotoGP เนี่ยมันสูงมากนะครับ คุณจะต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างออกไปหลายๆ เทคนิค ตามแต่ละเลย์เอาท์ของโค้งและตามความแคบของโค้ง ในบางโค้งวิธีที่ดีที่สุดคือการเบรคลึกมากๆ จากนั้นแล้วก็หยุดแล้วเปิดคันเร่งออกจากโค้ง บางโค้งคุณต้องรักษาความเร็วในโค้งให้มากกว่าปกติก็มี มันขึ้นอยู่กับยางด้วย ตัวอย่างเช่นที่ Le Mans ผมสามารถขี่อย่างดุดันตลอด เพราะยางนั้นไม่เสียสมรรถนะไปแม้จะขี่ไปแล้วระยะนึง แต่ที่ Mugello [ที่ผมล้มจนต้องออกจากการแข่งขัน] ผมพยายามเช็คเรื่องยางที่มีให้ใช้ก่อนที่จะซ้อม และผมก็เห็นแล้วว่ายางหน้านั้นค่อนข้างนุ่ม ดังนั้นผมก็เลยรู้ว่าผมไม่สามารถหวดหนักๆ ได้อย่างที่ผมต้องการ ดังนั้นสไตล์การขับขี่ผมเลยไม่เหมือนกับที่ Le Mans เพราะว่ายางมันไม่เอื้อ
ทำไมนักแข่งหลายๆ คนตอนนี้ดูสูสีกันแล้ว?
ทุกๆ สุดสัปดาห์รถแต่ละคันและนักแข่งแต่ละคนเริ่มที่จะพบตัวเลือกยางที่ดีสำหรับตัวเองแล้ว ดังนั้นสนามนึงอาจจะดีกว่าสำหรับค่ายนึง และอีกสัปดาห์นึงอาจจะไปดีกับอีกค่ายนึงแทนก็ได้ ตอนใช้ Bridgestones เราแข่งโดยใช้ยางหน้าแบบมีเดียมและยางหลังแบบซอฟต์แทบจะทุกสนาม ดังนั้นทุกคนก็จะใช้ยางเหมือนเดิม ตอนนี้เรามีตัวเลือกมากมาย เช่นที่ Jerez บางคนเลือกยางหลังซอฟต์ บ้างก็เลือกมีเดียมหรือฮาร์ด และทุกคนก็ขี่ได้เร็วเหมือนกัน นี่เป็นข้อดีตอนที่เราเปลี่ยนมาใช้ยาง Michelin
การทำงานร่วมกนักับ Bridgestones นั้นง่ายกว่า แต่ข้อดีของ Michelin คือยางตัวเดียวสามารถช่วยคุณได้ตลอดช่วงเวลาสุดสัปดาห์ บางทีคุณอาจจะต้องสู้กับรถและทุกๆ อย่าง แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มหัวร้อน คุณอาจจะต้องทำความเข้าใจกับตัวเลือกยางทั้งหมดเสียก่อน เพราะถ้าคุณมีปัญหา บางทีคุณอาจจะหาตัวเลือกยางที่ดีกว่าได้ จากนั้นรถคุณจะทำงานได้ดีกว่าเดิมเยอะเลย
โฟกัสในตอนซ้อมกับตอนแข่งต่างกันอย่างไร?
ในการแข่งขันผมจะใช้สมาธิมากกว่าตอนซ้อม แน่นอนว่าตอนซ้อมคุณจะต้องมีสมาธิและพยายามขี่ให้เร็ว แต่คุณต้องขี่ไปและคิดเรื่องการเซ็ตรถด้วย ตอนนี้เราควรจะลองแบบนี้หรือจะลองแบบนั้นดี… แต่คุณอาจจะลืมเรื่องจุดเข้าโค้งหรืออะไรบางอย่างไปได้ แต่เวลาแข่งในวันอาทิตย์ คุณต้องทำแค่เพ่งสมาธิไปที่ขี่ให้เร็วและอย่าล้ม ไม่ได้มาโฟกัสเรื่องเซ็ตรถแล้ว
ผมคิดว่านักแข่งทุกคนคิดเหมือนกัน หลายๆ คนชอบถามผมว่าผมใช้เบรคหลังหรือเบรคหน้ายังไง ผมเชนจ์เกียร์ลงยังไง เก็บรถยังไง แต่ทั้งหมดมันเป็นไปเองตามธรรมชาติ แค่ทำมันไปตามสัญชาติญาณ
รับชมข่าวสารเกี่ยวกับรถบิ๊กไบค์ คลิก