Honda NX500 แอดเวนเจอร์ไซส์กลาง ปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่า
และนี่คืออีก 1 โมเดลจากทั้งหมด 7 โมเดลที่เปิดตัวในงาน EICMA 2024 ที่อิตาลี สำหรับเจ้า Honda NX500 หรือจริง ๆ แล้วก็คือ CB500X แอดเวนเจอร์ไบค์จาก 500 series ที่เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2013 มาวันนี้กลับมาใหม่พร้อมการอัปเกรดและปรุงแต่งหน้าตาให้หล่อเหลาเคล้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าที่ผ่าน ๆ มา
รูปโฉม
ดีไซน์ภายนอกดูเฉียบคมยิ่งขึ้นภายใต้แนวคิดการออกแบบ Daily Crossover ที่สื่อถึงการเป็นรถลูกผสมที่ใช้งานได้ในทุก ๆ วัน ไม่จำเป็นจะต้องรอให้ถึงวันหยุดหรือวันออกทริป ตัวรถเป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ที่มีความกระชับกะทัดรัดกว่าเดิม เบาะนั่งมีความเพรียวบางง่ายต่อการขยับตัวปรับท่วงท่ารวมถึงทำให้ขาถึงพื้นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ให้การกระจายแสงที่กว้างกว่าเดิม ทัศนวิสัยดีกว่าเดิมในทุกขณะการขับขี่ จะเข้าโค้ง จะมืดค่ำ ไม่เป็นปัญหา ด้านท้ายเองก็มี LED ใหม่ที่แมตช์กันอย่างลงตัว แน่นอนว่าไฟเลี้ยวก็เป็น LED เต็มระบบ
ถัดมาด้านในมีจอสี TFT แบบรุ่นพี่อย่าง XL750 Transalp ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและใช้งานผ่านแอพลิเคชัน Honda RoadSync ได้อีกด้วย ยังเพิ่มความพรีเมียมแบบคาดไม่ถึงด้วยการให้สวิตช์ควบคุมแบบ 4 ทิศทางพร้อมแบ็กไลท์ในตัวที่แฮนด์บาร์ด้านซ้าย ช่วยให้ใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านหน้าจอสีได้สะดวกยิ่งขึ้น มีแฮนด์บาร์สีเทาแบบสอบปลายช่วยให้ดูลงตัว
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 471 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 วาล์วต่อสูบ เคลมแรงม้ามาที่ 46.93 แรงม้าที่ 8,600 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 43 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ โดยมีอัตราการเร่งที่รอบต่ำและการกระจายตัวของแรงม้าในทุกย่านความเร็วรอบที่ดีขึ้นจากกาปรับปรุงการจ่ายน้ำมันของหัวฉีดไฟฟ้าใหม่ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากถังน้ำมันขนาด 17.5 ลิตร ที่เมื่อคำนวณกับอัตราการสิ้นเปลือง 27.8 กม./ลิตรแล้วจะใช้งานได้กว่า 480 กม./ถัง เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์มาเสริมความปลอดภัยและความสบายขณะขับขี่อีกด้วย
แชสซี
ช่วงล่างของรถด้านหน้าจะมีโช้คหัวกลับจาก Showa SFF-BP ขนาด 41 ม.ม. และโช้คหลังเดี่ยวจาก Showa เช่นกัน โดยมีการปรับปรุงค่าสปริงเรทและแดมปิ้งเสียใหม่ให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ระบบเบรกก็จะยังเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 296 ม.ม. คาลิเปอร์ Nissin แบบแอ็กเซียลเมาท์ 2 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 ม.ม. และคาลิเปอร์เบรกแบบสูบเดียว แต่ทีเด็ดคือล้ออลูมิเนียมใหม่น้ำหนักเบา เป็นล้อ 5 ก้านใหม่น้ำหนักเบากว่าเดิมรวมกันหน้าหลัง 1.5 กิโลกรัม โดยมีขนาดล้อและยางหน้าหลังตามลำดับดังนี้ 110/80 R19 และ 160/60 R17
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากหน้าจอสีที่พูดถึงไปแล้วตัวรถยังมีระบบ HSTC หรือแทร็คชันคอนโทรลเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ระบบเบรก ABS 2 ชาแนล ระบบไฟเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน ESS เรียกว่าให้มาพอประมาณกำลังดีกับระดับราคา
สุดท้ายนี้เรื่องการจำหน่าย วัยรุ่นไทยเก็บเงินซื้อได้เลยมาแน่นอน แต่ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคา 224,900 บาท ด้วยอ็อปชันที่ดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ก็ต้องบอกว่ายังไงก็ยังเป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ไซส์กลางระดับเริ่มต้นที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก