FIM ประกาศยกระดับความปลอดภัย หมวกกันน็อกสำหรับนักแข่งเฟส 2
หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักมาตรฐานความปลอดภัยหมวกกันน็อกกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น มอก. หรือ TIS ของบ้านเรา, JIS ของญี่ปุ่น, DOT ของอเมริกา, ECE ของยุโรป, Sharp ของอังกฤษ หรือจะเป็น Snell ที่เป็นแบบสากล ก็ตาม ๆ แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักมาตรฐานความปลอดภัยของทางสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะแตกต่างไปจากมาตรฐานที่เรารู้จักกันโดยทั่วไป กล่าวคือของทางสหพันธ์ฯ จะเป็นมาตรฐานที่บังคับใช้กับหมวกที่ใช้ในการแข่งขันนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ทางสหพันธ์ฯ หรือ FIM ประกาศยกระดับความปลอดภัย หมวกกันน็อกสำหรับนักแข่งเฟส 2 แล้ว
หลังจากที่โปรแกรมยกระดับมาตรฐานหมวกกันน็อกที่ใช้ในการแข่งขันเฟสแรกหรือเรียกย่อ ๆ ว่า FRHPhe-01 นั้นดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและจนได้ประสบการณ์และความรู้มาตลอด 4 ฤดูกาลแข่งขันแล้ว ความรู้และประสบการณ์ดังกล่าวก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันสามารถยกระดับความปลอดภัยของนักแข่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งหมวกที่จะผ่านมาตรฐานของโปรแกรมการยกระดับนี้ จะต้องผ่านการประเมินเรื่องความสามารถในการป้องกันทั้งทดสอบในการกระแทกที่ศีรษะทั้งในแบบความเร็วต่ำ กลาง และสูง กระแทกในมุมเอียง การทดสอบการเจาะทะลุ ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาจากหมวก 38 ใบจากทั้งหมด 22 แบรนด์ที่ผ่านมาตรฐานนี้
หลังจากที่ความร่วมมือระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่และแล็ปที่ทางสหพันธ์ฯ รับรอง (แล็ปทดสอบแรงกระแทกของทางมหาวิทยาลัย Zaragoza) FRHPhe-02 หรือเฟสที่ 2 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเฟสนี้จะรวมไปถึงหมวกสำหรับแข่งขันออฟโร้ด ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของความปลอดภัยในการแข่งขันโมโตครอส เอ็นดูโร สปีดเวย์ และครอสคันทรี ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกกับมาตรฐาน FIM กับการแข่งขันออฟโร้ดอีกด้วย
โดยมาตรฐานใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะในทุกรูปแบบ ซึ่งหมวกที่จะเข้ามาทดสอบมาตรฐานใหม่จะปลอดภัยยิ่งกว่ามาตรฐานที่มีในท้องตลาดทั้งหมด โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในการทดสอบทุกด้านให้มากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มการทดสอบรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น ทดสอบการถอดนวมรองแก้มอย่างรวดเร็วและการทดสอบที่คำนึงถึงการแตกหักของกระโหลกศีรษะ เป็นต้น
ทั้งนี้มาตรฐานใหม่นี้จะเริ่มแนะนำให้ใช้ในปี 2025 และกลายเป็นข้อบังคับในปี 2026 นี้ โดยนักแข่งทุกคนจะต้องใช้ (เว้นแต่ นักแข่งกีฬาประเภทไทรอัล จักรยานไฟฟ้า รถ SSV หรือ UTV และ การแข่งแลนด์สปีดเวิลด์เรคคอร์ดประเภทพสตรีมไลเนอร์) ซึ่งแน่นอนว่าค่ายผู้ผลิตหมวกกันน็อกก็จะต้องผลิตหมวกออกมาให้สอดคล้องกันเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของความปลอดภัยไปพร้อม ๆ กัน
เรียกว่าเป็นผลดีต่อผู้ใช้หมวกกันน็อกอย่างพวกเราจริง ๆ นะครับ อย่างไรก็ดี ราคาหมวกดังกล่าวอาจจะมีราคาแพงมาก ทางเราก็ขอแนะนำให้ใช้หมวกที่ได้มาตรฐานรับรองตามท้องตลาดกันไปก่อน อย่าไปใช้หมวกปลอมหมวกก็อปหลายเอกันเลยน่ะครับ มันไม่คุ้มเอาเสียเลยกับการที่จะต้องเอาชีวิตไปแลกกับหมวกแบบนั้น
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก