Cake Bukk เอ็นดูโร่ไฟฟ้าสุดแรงที่ให้คุณเลือกสเปกเองได้
Cake Bukk คือมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ไฟฟ้าสัญชาติสวีเดน ไม่ใช่ชื่อขนมเค้กแต่อย่างใด ซึ่งแต่เดิมโมเดลนี้เป็นรถโปรโตไทป์ และตอนนี้ได้กลายเป็นรถโปรดักชันพร้อมให้ลูกค้าได้คัสตอมสเปกรถได้เองโดยตรงกับทางแบรนด์ได้เลย ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าจะถูกใจหลาย ๆ คนเลยทีเดียวครับ
โดยสิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือโมเดลนี้มีจำหน่ายด้วยกัน 2 เวอร์ชันหลัก ๆ อิงจากใบขับขี่ โดยเวอร์ชัน Super Light จะมีกำลัง 13 กิโลวัตต์หรือประมาณ 17.4 แรงม้า ก็จะเหมาะกับใบขับขี่ A1 ของทางยุโรป แต่ถ้าเป็นใบขับขี่ A2 ล่ะก็จะมีเวอร์ชัน Power Light ที่รถจะมีกำลัง 16 กิโลวัตต์หรือราว ๆ 21.4 แรงม้า แต่ถ้าบ้านเราล่ะก็ไม่มีปัญหา
ตัวรถเวอร์ชันซูเปอร์ไลท์จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจาก Jante ซึ่งเคลมมาว่ามีแรงบิดสูงถึง 366 นิวตันเมตรที่ล้อหลัง และสามารถทำความเร็วจาก 0 – 45 กม./ชม.ภายในเวลาเพียง 2.57 วินาที ส่วนท็อปสปีดอยู่ที่ 80 กม./ชม. ส่วนเวอร์ชันเพาเวอร์ไลท์จะมีแรงบิดสูงถึง 456 นิวตันเมตร และสามารถทำความเร็วจาก 0 – 45 กม./ชม.ภายในเวลาเพียง 2.15 วินาที และมีท็อปสปีดที่ 90 กม./ชม. ซึ่งค่าต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะแตกต่างไปจากการทดสอบจริงบนท้องถนนอยู่บ้าง
หัวใจสำคัญของรถไฟฟ้าทั้งหลายย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของแบตเตอรี ตัวรถมีแบตเตอรี่ขนาด 40 แอมป์ชั่วโมงให้กำลังไฟ 2.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถชาร์จกับตัวรถเลย หรือจะถอดเปลี่ยนแบบฮ็อตสว็อปก็ทำได้เช่นกัน ตัวแบตเตอรีจะปิดตัวเองทันทีเมื่อถอดออกจากรถด้วยระบบความปลอดภัย และยังกันน้ำกันฝุ่นได้มาตรฐาน IP67 อีกด้วย ดังนั้นเอาไปลุยไปผจญภัยได้สบาย ๆ หายห่วง แต่ไปแช่น้ำในทะเลสาปเลยก็ไม่แนะนำ ขณะในเรื่องของการชาร์จสามารถเสียบปลั๊กไฟบ้านชาร์จได้เลย โดยสามารถชาร์จได้เต็มจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 2 ชม. 45 นาที และชาร์ตจาก 0 – 80% ได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 55 นาที
โดยระยะการใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมงในแบบของการขับขี่แบบเทรลหรือเอ็นดูโร หรือประมาณ 85 กม. อย่างไรก็ดีปัจจัยต่าง ๆ ตามสภาพแวดล้อมก็จะทำให้ระยะทางตรงนี้เปลี่ยนไปได้
อย่างไรก็ดีสิ่งที่เจ้า Cake Bukk เจ๋งไม่เหมือนใครคือสามารถเลือกสเปกรถได้เองเลย ไม่ว่าจะทำให้รถเป็นรถแบบขี่ถนนได้ด้วยการติดตั้งไฟส่องสว่างต่าง ๆ และกระจก หรือจะไม่ใส่ไฟเพื่อเข้าป่าล้วน ๆ ก็ไม่ผิด โดยเฉพาะในส่วนของช่วงล่างสามารถเลือกได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโช้ค Ohlins หรือ WP XACT Pro ก็ได้ หรือจะผสมกันหน้ายี่ห้อนึงหลังยี่ห้อนึงก็ได้ แต่โช้คเดิมจะเป็น หน้าเป็น Formula Tech แบบหัวกลับ ขณะที่ด้านหลังเป็น RacingBros Shicane HLR
ส่วนระบบเบรกก็จะเป็นดิสก์เบรกหน้าเดี่ยว 240 ม.ม.พร้อมคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังเป็น 220 ม.ม.พร้อมคาลิเปอร์เบรก ต่อกันที่ล้อจะเป็นล้ออลูมิเนียมฟอร์จ ขนาด 19 และ 18 นิ้วด้านหลังตามลำดับ
นอกจากนี้ตัวรถยังมีเทคโนโลยีแบบสมัยใหม่ เช่น โหมดการขับขี่ที่สามารถปรับแต่งได้ผ่านแอพลิเคชันของทางแบรนด์ (ออปชันเสริม) ช่วยให้ปรับพละกำลัง ความไวเบรก แทร็คชันคอนโทรลเองได้ เป็นต้น
สุดท้ายในเรื่องของราคาจะเริ่มต้นที่ 10,270 ยูโรหรือราว ๆ 381,000 บาท โดยรถจะเริ่มส่งมอบได้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้เป็นต้นไป
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก