Brixton Crossfire 500 โมเดิร์นคลาสสิคที่คุณไม่ควรมองข้าม

Admin Superbike

Brixton Crossfire 500 โมเดิร์นคลาสสิคที่คุณไม่ควรมองข้าม

Brixton Crossfire 500

งาน EICMA นั้นเป็นงานเปิดตัวโมเดลใหม่ๆ ตลอดหลายปี และหลายๆ คันจากค่ายดังๆ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ตอนที่ค่ายน้องใหม่อย่าง Brixton เปิดตัวคอนเซ็ปต์ไบค์ Crossfire 500 ในปี 2018 และจะเริ่มผลิตในปี 2019 มันกลับไม่ได้รับผลตอบรับมากมายนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะแบรนด์นี้เป็นรถโร้ดสเตอร์ที่ผลิตในจีน ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศก็เป็นได้ แต่พอทางค่ายเปิดตัวรถโปรดักชั่นของ Crossfire 500 และ Crossfire 500 X แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

Brixton Crossfire 500

Crossfire นั้นเป็นผลงานชิ้นแรกจากการออกแบบโดยทีมดีไซน์ KSR Group ที่เป็นสตูดิโอออกแบบแห่งใน Krems ประเทศออสเตรีย ซึ่งมีสไตล์ออกมาในแนวของเรโทรแทร็กเกอร์ ท้ายสั้นๆ ป้อมๆ ล้อซี่ลวด ไฟกลมและสิ่งที่ทางค่ายบอกว่าเป็นไฮไลท์ในการออกแบบเลยก็คือ ถังน้ำมันทรงตัว X ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของทางค่ายเลยก็ว่าได้ โดยทุกรุ่นที่มีถังน้ำมันทรงนี้จะถูกเรียกว่า Crossfire

เจ้าครอสไฟร์คันนี้มีความคล้ายคลึงกับ Svartpilen ของ Husqvarna อยู่มาก เพียงแต่ขาดในส่วนของเฟรมถักออกไปเรียกว่าเลือดออสเตรียมันแรงก็น่าจะได้กระมัง

Brixton Crossfire 500

อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งเป็นเส้นตรงนั้นใช้กับทั้ง 2 โมเดล แม้ว่าโมเดล X จะมีวัสดุที่แตกต่างออกไป ด้านหน้ามีไฟหน้าและไฟเลี้ยวแบบ LED หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอล ส่วนของเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่องยนต์ใหม่หมด เป็นแบบ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 486 ซีซี ซึ่งเคลมมาว่าจะให้แรงม้าสูงสุดที่ 47 แรงม้าที่ 8500 รอบและแรงบิดที่ 31.7 ปอนด์ฟุตที่ 6700 รอบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด ตัวรถยังมีระบบเบรก ABS จาก Bosch อีกด้วย

Brixton Crossfire 500 X

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับ KYB ปรับต่าได้ ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว และด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรกด้วยเช่นกัน ส่วนท่อไอเสียนั้นเป็นสเตนเลสสตีล

ข้อแตกต่างระหว่าง 500 และ 500 X นั้นมีไม่มากนัก โดยโมเดล X จะมีลวดลายกราฟิกที่โดดเด่นกว่า และมีสีเข้ม มีที่ยึดป้ายทะเบียนที่สูงกว่า เบาะนั่งเป็นลายเส้นตามแบบของแทร็กเกอร์ และมาพร้อมกับยาง Pirelli MT 60 ส่วนตัวธรรมดาจะเป็น Angel ST แต่ทั้งสองคันยังมีสไตล์ท่านั่งในแบบหลังตรง มีพักเท้ากลางตัวรถและแฮนด์บาร์ที่ค่อนข้างกว้าง

ทางค่ายบอกว่าจะเริ่มขายในเดือนสิงหาคมปีนี้ โดยราคานั้นยังไม่ระบุ ส่วนประเทศไทยนั้นตอนนี้ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายเลย เรื่องการเข้าไทยนั้นคงต้องรอดูกันไปยาวๆ เลยล่ะครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

ติดตามเราบนแฟนเพจคลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

Dylan Ferrandis ปิดจ๊อบ ผงาดขึ้นครองบัลลังก์ 250SX ฝั่งตะวันตกสมัยที่ 2

Dylan Ferrandis #1W นักบิดเฟรนช์แมน สังกัดมอนสเตอร […]

You May Like

Subscribe US Now