Aprilia RS 660 ซูเปอร์สปอร์ตไบค์ เปิดตัวในไทยพร้อมราคา 699,000 บาท
ล่าสุดทาง บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมชั้นนำ Piaggio และ Vespa พร้อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน Aprilia และ Moto Guzzi สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัว Aprilia RS 660 ซูเปอร์สปอร์ตไบค์ที่แรงและโดดเด่นมากกว่าครั้งไหน ๆ ด้วยดีไซน์ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว และสีสันที่ดุดัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากการแข่งขันระดับโลก
ซูเปอร์สปอร์ตคันใหม่ของทางค่ายอาพริเลียนี้พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งคัน มีดีไซน์โดดเด่นและล้ำสมัยด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความสวยงามและการใช้งานได้จริง ตัวรถโดดเด่นด้วยไฟส่องสว่างแบบ 3 โคมและเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ โดยเป็นระบบไฟแบบ LED เต็มระบบ ซึ่งมีไฟเลี้ยวบิลด์อินภายในไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ไม่มีไฟเลี้ยวแยกออกมาให้เกะกะขัดตา ทั้งยังใส่เทคโนโลยีระบบยกเลิกไฟเลี้ยวอัตโนมัติและไฟกระพริบเตือนฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหันเข้าไปอีกด้วย และยังมีระบบไฟส่องสว่างในโค้งอีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอยังมีการออกแบบแฟริ่งในแบบที่เรียกว่าดับเบิ้ลแฟริ่งหรือแฟริ่งแบบสองชั้น ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงความสวยงาม แฟริ่งที่ว่านี้ยังช่วยในเรื่องของแอโรไดนามิกให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ได้ดีและยังช่วยตัดลมปะทะที่จะเกิดขึ้นผู้ขับขี่ได้ดีอีกด้วย
ในเรื่องของตำแหน่งท่านั่งดีไซน์ก็มีการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักการยศาสตร์ โดยมีตำแหน่งสามเหลี่ยมสมมติของความสัมพันธ์กันระหว่าง เบาะนั่ง พักเท้าและแฮนด์มาอย่างลงตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องงอเข่ามากเกินไป สามารถขับขี่ทางไกลได้สบาย แต่ก็ให้ท่านั่งที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและกระชับทุกการขับขี่ โดยจะมีถังน้ำมันขนาดกะทัดรัดแต่ก็จุได้มากถึง 15 ลิตร ซึ่งออกแบบมาให้ใช้ขาหนีบถังช่วยคอนโทรลรถได้ดีอีกด้วย
มาที่ส่วนด้านท้ายกันบ้างทางค่ายออกแบบดีไซน์ให้ท่อไอเสียนั้นอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องยนต์เพื่อสร้างสมดุลน้ำหนักตัวรถช่วยให้ควบคุมตัวรถได้ดี รวมถึงส่งผลดีต่อความร้อนที่จะกวนใจนักบิดและค้นซ้อนน้อยลงมาก และยังจะทำให้สามารถวางตำแหน่งพักเท้าคนซ้อนได้ต่ำลงทำให้คนซ้อน
พิเศษอีกเล็กน้อยที่เป็นเรื่องของความใส่ใจทางค่ายยังได้ออกแบบให้รถสามารถถอดกระจกมองข้าง พักเท้าคนซ้อนและที่ยึดป้ายทะเบียนออกได้อย่างง่ายดายเพื่อให้สามารถลงขับขี่ในสนามแบบเรซซิ่งได้ดีอีกด้วยนะเออ
เปลี่ยนจากเรื่องของดีไซน์มาที่ขุมพลังกันบ้าง สำหรับโมเดลนี้จะใช้เครื่องยนต์สองสูบเรียงขนาด 660 ซีซีที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 100 แรงม้าที่ 10,500 รอบและแรงบิดสูงสุดที่ 67 นิวตันเมตรที่ 8,500 รอบ โดย 80% ของแรงบิดสามารถเรียกใช้งานได้ตั้งแต่รอบต่ำ ๆ เพียง 4,000 รอบเท่านั้น ซึ่งเมื่อคำนวณค่าอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักของตัวรถที่เบาเพียง 183 กก.แล้ว ถือว่าทำได้ดีเป็นระดับหัวแถวของคลาสเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ รวมไปถึงระบบคันเร่งไฟฟ้าที่มาพร้อมแม็ปปิ้งอีกหลายแม็ปให้เลือกใช้งานอีกด้วย
มาถึงเรื่องของช่วงล่างกันบ้าง ตัวรถเลือกใช้แชสซีที่ออกแบบใหม่โดยคำนึงถึงความเพรียวเป็นหลัก เฟรมและสวิงอาร์มนั้นทำจากกอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปเพื่อให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง โดยเฟรมจะเป็นเฟรม Twin Lateral Beams ยึดเข้ากับคอรถ โดยใช้เครื่องเป็นส่วนนึงในการรับภาระน้ำหนักตัวรถรวมถึงยึดกับสวิงอาร์ม ทำให้รถมีน้ำหนักเบา และมีขนาดกะทัดรัด
ขณะที่สวิงอาร์มแบบโมโนบล็อกออกแบบมาพิเศษเป็นแบบไม่สมมาตรเพื่อให้ได้การยึดเกาะที่ดีและน้ำหนักเบารวมไปถึงสามารถติดตั้งโช้คหลังเข้าไปได้โดยตรงไม่ต้องพึ่งพากระเดื่องอีกด้วย
สำหรับระบบกันสะเทือน ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับของทาง KYB สามารถปรับแต่งรีบาวด์และสปริงพรีโหลดได้ ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวที่สามารถปรับรีบาวด์และสปริงพรีโหลดได้เช่นกัน
ขณะที่ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 320 ม.ม. ร่วมกับคาลิเปอร์เบรก Brembo แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 ม.ม.และคาลิเปอร์เบรก Brembo แบบ 2 ลูกสูบ มีแท็งน้ำมันแยก โดยระบบสายเบรกทั้งหมดจะเป็นสายถักมาให้เลย แน่นอนว่ามีระบบเบรกแบบ ABS มาให้อีกด้วย
และส่วนที่สำคัญอย่างเรื่องของยาง ทางค่ายจัดยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa II มาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่ขนาด 120/70 ZR 17 และ 180/55 ZR 17 หน้าหลังตามลำดับ ซึ่งใช้งานได้ดีมาก ๆ ทั้งบนถนนและในสนาม
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ตัวรถยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ อีกมาก ที่ทำงานบนพื้นฐานของหน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยแบบ 6 แกน ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นระบบแทร็คชันคอนโทรล ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบเอ็นจิ้นแม็พ ซึ่งจะช่วยให้เรื่องของการขับขี่และความปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยในเรื่องของการขับขี่ในด้านของความสะดวกสบาย เช่น ระบบครูซคอนโทรล ระบบควิกชิฟเตอร์ หน้าจอแสดงผลสี TFT ที่อ่านค่าได้ง่ายพร้อมไฟแบ็กไลท์อัตโนมัติ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานระบบนำทางและการรับสายโทรศัพท์ได้อีกด้วย อ้อ ตัวรถยังใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมที่มีน้ำหนักเบามากอีกด้วยนะ
โหมดการขับขี่ 5 โหมด โดยแบ่งเป็น 3 โหมดสำหรับการขับขี่บนท้องถนน ได้แก่ Commute สำหรับขับขี่ในทุกวัน, Dynamic สำหรับการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจ และ Individual ที่ให้เราสามารถปรับเองได้ และอีก 2 โหมดสำหรับขับขี่ในสนามได้แก่ Challenge สำหรับขับขี่ในสนามโดยเฉพาะ และ Time Attack ที่ช่วยให้ปรับค่าระบบต่าง ๆ ได้เต็มที่ให้เหมาะกับการขับขี่ของคุณมากที่สุด
สุดท้ายนี้ Aprilia RS 660 ซูเปอร์สปอร์ตไบค์ คันนี้จะมีจำหน่ายด้วยกัน 3 ชุดสี ได้แก่ สีเหลือง Acid Gold สีเทรนใหม่ของทางค่าย และสีดำแดง Apex Black สุดสปอร์ตดุดัน และสีน้ำเงิน-แดง-ดำ Lava Red ซึ่งเป็นสีประจำค่ายนั่นเอง โดยเปิดราคาจำหน่ายในไทย 699,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Motoplex Bangkok และสามารถติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์ของอาพริเลียได้ที่เฟซบุ๊ก Aprilia_Thailand และอินสตาแกรม @Aprilia_Thailand
เห็นอย่างนี้หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่าแพง แต่หากคำนึงถึงข้าวของที่ให้มาและเรื่องของการที่ตัวรถนั้นต้องนำเข้ามานั้นบอกเลยว่าราคาไม่ได้แพงมากอย่างที่คุณคิดไปเองแน่นอนครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก