5 แอดเวนเจอร์ไบค์ไซส์กลาง ที่น่าสนใจในปี 2024
ช่วงที่แอดมินเขียนบทความตอนนี้ PM 2.5 มันเยอะเหลือเกิน ขณะที่เขียนอยู่นี่แอดมินยังนั่งไอแค่ก ๆ เสมหะเพียบอยู่เลย พาลให้คิดว่าเราน่าจะออกไปสูดอากาศที่ต่างจังหวัด ไปในที่ซึ่งห่างไกลจากผู้คน ไปสัมผัสธรรมชาติที่มีอากาศดี ๆ เพื่อแอดมินจะอาการดีขึ้น ไป ๆ มา ๆ แอดมินก็เลยคิดว่าถ้าได้รถดี ๆ ไปผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติคงจะดีไม่น้อย งานนี้แอดมินก็เลยลองรวบรวม 5 แอดเวนเจอร์ไบค์ ที่น่าสนใจในปี 2024 มาเผื่อว่าเพื่อน ๆ ที่กำลังเล็ง ๆ หาซื้อรถอยู่ ไกด์นี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
Yamaha Tenere 700
สำหรับแอดเวนเจอร์ไซส์กลางนี้ ผมนึกถึงคันนี้คันแรกเลย คันนี้บอกเลยว่าของดี การันตีด้วยยอดขายเบอร์ต้นในหลาย ๆ ประเทศ ไปจนถึงการออกเวอร์ชันต่าง ๆ ยิบย่อยมากมาย
ตัวรถโดดเด่นด้วยดีไซน์ดุดันแบบรถแข่งแรลลี่ดาการ์ให้ฟีลลิ่งที่พร้อมจะตะลุยทางไกลทางลำบากไปกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า LED แบบ 4 ดวงสุดเท่ เรือนไมล์สี TFT แนวตั้งเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ชิลด์หน้าทรงสูงพร้อมชิลด์ตัดลมด้านข้าง การ์ดแฮนด์ และการ์ดท้องเครื่อง
ยังมีเบาะนั่งแบบราบและเรียวยาวรับกับถังน้ำมันช่วยให้คอนโทรลรถได้ดีไม่ว่าจะนั่งหรือยืน ช่วงล่างที่ดีพร้อมลุยทุกอุปสรรคด้วยยางแบบออลเทอเรน และล้อซี่ลวดขนาด 21 และ 18 นิ้วตามลำดับหน้าหลัง และเมื่อรวมกับมิติตัวรถที่ให้มายิ่งเหมาะกับการขับขี่แบบลุยสุด ๆ
สเปกคร่าว ๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงแบบ CP2 689 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกำลัง 73.4 แรงม้า แรงบิด 68 นิวตันเมตร มีถังน้ำมันขนาด 16 ลิตร โช้คหน้าหัวกลับ โช้คหลังทำงานร่วมกับกระเดื่องปรับแต่งทั้งพรีโหลด คอมเพรสชัน และรีบาวด์ได้ ระบบดิสก์เบรกหน้าคู่ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS 3 โหมด ปิดเปิดได้ สุดท้ายมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 205 กิโลกรัม
ราคาอยู่ที่ 459,000 บาท* (ราคาโมเดล 2023)
Honda XL750 Transalp
ต่อมาเป็นน้องใหม่จากค่ายปีกนกที่จริง ๆ แล้วไม่ได้ใหม่ แต่เป็นการสานต่อจากตำนานเดิมต่างหาก ทว่าเป็นพิกัดใหม่ สำหรับคันนี้จัดว่าเป็นตัวที่มีราคาดีที่สุดในลิสต์นี้เลยล่ะครับ แถมมีเทคโนโลยีให้เพียบเลยอีกด้วย
ดีไซน์โดดเด่นการันตีด้วยรางวัลออกแบบยอดเยี่ยม Reddot Winner 2023 มาในสไตล์ที่ดูนุ่มนวลไม่ได้ดูดุดันโผงผาง สไตล์ออกไปทางขับขี่ทางดำมากกว่าทางฝุ่น โดดเด่นด้วยไฟหน้า 4 ดวงเช่นเดียวกันกับคู่แข่งจากค่ายส้อมเสียง หน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้วพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงแบบล้ำ ๆ
ตัวรถมีช่วงล่างที่ดีพร้อมลุยทางฝุ่นด้วยยางแบบออลเทอเรน และล้อซี่ลวดขนาด 21 และ 18 นิ้วตามลำดับหน้าหลัง แต่อาจจะต้องติดตั้งการ์ดเพิ่มเติมสักหน่อยเพื่อความมั่นใจ เรียกว่าลุยได้ระดับนึงแต่จะไม่มากเท่ากับแอดเวนเจอร์คันอื่น ๆ ถึงอย่างนั้นก็มีเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่างเข้ามาช่วยในการขับขี่ ระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ 4 โหมด Sport, Standard, Rain และ Gravel พร้อมคัสตอมในโหมด User ได้อีก ระบบควบคุมกำลังเครื่องยนต์ ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบแทร็คชันคอนโทรล HSTC 5 เลเวล (ปิดได้) พร้อมระบบป้องกันการลอยตัวของล้อ เรียกว่ามาคุ้ม ๆ เลยล่ะครับ
สเปกคร่าว ๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงแบบ 755 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังแรงถึง 90.5 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 77 นิวตันเมตร มีถังน้ำมันขนาด 16.9 ลิตร โช้คหน้าหัวกลับ โช้คหลังทำงานร่วมกับกระเดื่อง ระบบดิสก์เบรกหน้าคู่ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS 2 ระดับ ปิดเฉพาะล้อหลังได้ สุดท้ายมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 208 กิโลกรัม
ราคาเริ่มต้นที่ 389,000 บาท
Suzuki V-Strom 800 DE
สำหรับเจ้าคันนี้ก็ถือเป็นโมเดลที่น่าสนใจอีกโมเดลนึงจากค่ายคนบ้า เรียกว่าไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะมีสเปก มีสมรรถนะที่ถือว่าเข้าขั้นน่าเลือกซื้อหามาขับขี่อีกคันนึงเหมือนกัน
ดีไซน์ของเจ้าคันนี้มาในรูปแบบที่เรียกว่าโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัย เด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์ 6 เหลี่ยมแบบซ้อนกันเป็นชั้น ๆ พร้อมชิลด์หน้าที่ขนาดกำลังพอดี หน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว และเส้นสายที่ดูดุดันแข็งแรง แถมดูโดดเด่นมาแต่ไกลด้วยเฉดสีที่จัดจ้านกว่าค่ายอื่น ๆ อีกด้วยครับ
ตัวรถมีอุปกรณ์และช่วงล่างที่ดีพร้อมต่อการลุยมาก ส่วนล้อจะเป็นซี่ลวดขนาด 21 และ 17 นิ้วตามลำดับ พร้อมยางแบบออลเทอเรนที่ค่อนมาเป็นทางดำซะมาก ทว่าเบาะนั่งนั้นไม่ได้เป็นแบบราบแบบที่สายลุยหนักจะเลือกใช้กัน แต่จะเป็นเบาะแบบปาดเว้าซึ่งจะเหมาะกับการขับขี่ทางดำมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบจัดเต็มเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แทร็คชั่นคอนโทรล ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ หน่วยประมวลผลแรงเฉื่อย ระบบ Cornering ABS แบบเปิดปิดได้ ระบบช่วยสตาร์ทรถ Easy Start ระบบ Low RPM Assist ช่วยป้องกันเครื่องยนต์ดับเวลาขับขี่ช่วงออกตัว ควิกชิฟเตอร์ 2 ทาง และ
สเปกคร่าว ๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 776 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ เคลมกำลังแรงม้ามาที่ 83 แรงม้า แรงบิดที่ 78 นิวตันเมตร ใช้ถังน้ำมันขนาดใหญ่ถึง 20 ลิตร มีระบบแอสซิสต์แอนด์สลิปเปอร์คลัตช์ โช้คหน้าหัวกลับจาก Showa ปรับแต่งได้เต็มระบบ โช้คหลังเดี่ยวพร้อมรีโมตปรับได้เต็มระบบอีกเช่นกัน ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกคู่ และดิสก์หลังเดี่ยว พร้อมระบบเบรก Cornering ABS
ราคาค่าตัวอยู่ที่ 479,000 บาท
Aprilia Tuareg 660
ค่ายญี่ปุ่นแนะนำกันไปเยอะแล้ว เปลี่ยนมาแนะนำค่ายยุโรปจากอิตาลีอย่างเจ้า Tuareg คันนี้กันบ้าง สำหรับค่ายนี้หลายคนอาจจะดูว่าค่ายนี้เป็นมือใหม่สำหรับแอดเวนเจอร์ เพราะไม่ค่อยได้เห็นรถแอดเวนเจอร์จากค่ายนี้ แต่จริง ๆ ค่ายนี้ทำแอดเวนเจอร์ด้วยนะ
สำหรับดีไซน์โดดเด่นตามแบบของเทพสามตา ด้วยไฟหน้าแบบสามตาตรงตาม DNA เป๊ะ เส้นสายตัวรถดูปราดเปรียว ไม่เทอะทะ แต่ก็ดูสมบุกสมบันพร้อมลุยด้วยอุปกรณ์ที่มาให้ทั้งการ์ดแฮนด์และการ์ดท้องเครื่อง
ช่วงล่างของรถดูผ่าน ๆ ก็รู้ว่าลุยหนักได้สบาย ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนจาก KYB ล้อซี่ลวดทูบเลสขนาด 21 นิ้วและ 18 นิ้ว และยางแบบสองประสงค์ Pirelli รุ่น Scorpion Rally STR ตัวเบาะนั่งเองก็เป็นแบบราบและเรียวซึ่งสะดวกต่อการคอนโทรลและบาลานซ์รถทั้งตอนยืนและตอนนั่ง
และแน่นอนว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้มานี่แน่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ 4 โหมด แทร็คชันคอนโทรล ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบควบคุมการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบเบรก ABS และครูซคอนโทรล
สเปกคร่าว ๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ขนาด 659 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 80 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 70 นิวตันเมตร กับถังน้ำมัน 18 ลิตร โช้คอัพอัพไซส์ดาวน์ KYB โช้คอัพหลังแบบซับแทงค์ โดยที่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งหมดเลย ระบบเบรกจาก Brembo ดิสก์เบรกหน้าคู่ ดิสก์หลังเดี่ยว
ราคาค่าตัวอยู่ที่ 749,000 บาท
KTM 890 Adventure R
พูดถึงแอดเวนเจอร์ไบค์แล้วคันที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ย่อมต้องเป็นตัวแทนจากค่ายส้ม KTM 890 Adventure R เพราะค่ายนี้เขาถนัดเรื่องทางฝุ่นเป็นพิเศษนั่นเอง
ดีไซน์คันนี้บอกเลยโฉบเฉี่ยวทันสมัย และจัดจ้านด้วยสีสันประจำค่าย แต่ขณะเดียวกันก็มีความบึกบึนดูสมบุกสมบันพร้อมบุกตะลุยทุกเส้นทาง โดดเด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์แปลกตา ชิลด์หน้าขนาดใหญ่ และเส้นสายลายกราฟิกที่ดูเฉียบคม
ช่วงล่างของรถบอกเลยว่าพร้อมลุยมาก ๆ ทั้งโช้ค ล้อขนาด 21 และ 18 นิ้วหน้าหลังตามลำดับ ตลอดไปจนถึงยางที่พร้อมลุยทางฝุ่น บวกกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาพร้อมลุยแบบหนัก ๆ ได้สบาย ทั้งการ์ดแฮนด์ การ์ดท้องเครื่อง และอื่น ๆ อีกหลายจุด
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็บอกเลยว่าให้มาเต็ม เด่นด้วยระบบประมวลผลแรงเฉื่อย ที่ช่วยให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งแทร็คชันคอนโทรล ระบบเบรก Cornering ABS โหมดระบบเบรก ABS แบบ Off Road และ Rally อ่อเกือบลืมเรื่องหน้าจอสี TFT พร้อมเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
สเปกคร่าว ๆ มีดังนี้ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ขนาด 889 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 105 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 100 นิวตันเมตร กับถังน้ำมัน 20 ลิตร โช้คอัพจาก WP เต็มระบบหน้าหลัง ด้านหน้าหัวกลับและด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวซับแทงค์ และปรับแต่งได้เต็มระบบเช่นกัน ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ ดิสก์หลังเดี่ยว
ราคาค่าตัวโดยประมาณ 6XX,XXX บาท
สุดท้ายนี้เราไม่ได้จัดอันดับนะครับ เราแนะนำ 5 แอดเวนเจอร์ไบค์ไซส์กลาง ที่น่าสนใจเท่านั้น ขอให้เลือกรถที่เหมาะสมกับรสนิยม สไตล์ การใช้งาน ไปจนถึงงบประมาณ ตามที่รับได้นะครับ เพราะบางครั้งการมีระบบเยอะ ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราอาจจะต้องการมัน แต่เราต้องการรถที่ตรงใจกับเราทั้งหน้าตาและฟีลลิ่งการขับขี่เป็นหลักทั้งนั้นแหละครับ เชื่อผม แนะนำว่าให้ลองไปขับขี่กันดูก่อนตัดสินใจเลือกซื้อกันนะครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก