Honda NT1100 2024 ทัวริ่งไซส์ใหญ่ อัปสีใหม่ จัดจ้านกว่าเดิม
หลังจากที่ขายดิบขายดีอย่างต่อเนื่องในตลาดยุโรป สำหรับ Honda NT1100 ทัวริ่งไบค์จากค่ายปีกนก โดยล่าสุดทางค่ายพร้อมต่อยอดประกาศเปิดตัวเวอร์ชันโฉมปี 2024 เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยมาพร้อม 2 สีใหม่กับสีแดง (Candy Chromosphere Red) และสีน้ำเงินเมทาลิก (Matt Jeans Blue Metallic)
สีแดง Candy Chromosphere Red |
|
สีน้ำเงินเมทาลิก Matt Jeans Blue Metallic |
สำหรับไลน์ผลิตในโมเดลรุ่นนี้จะเป็นการผลิตครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2022 ที่มีการเปิดตัวครั้งแรกและสามารถกวาดยอดขายในแถบยุโรปได้มากกว่า 12,000 คันเลยทีเดียว โดยเวอร์ชันล่าสุดจะมีเปลี่ยนแปลงเฉพาะชุดสี รวมถึงการรีเมคสีใหม่ในเจ็นก่อนอย่างสีเทาเมทาลิก (Matt Iridium Gray Metallic) ให้มีความเงามากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการดีไซน์คงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม และยังคงโดดเด่นเอกลักษณ์ด้วยแฟริ่งขนาดใหญ่ มีการออกแบบสอดรับหลักอากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิก ไฟหน้าออกแบบเฉียบคม พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์วาดเส้นไว้อย่างสวยงาม ชิลด์หน้าปรับได้ 5 ระดับ ประดับปีกชิลด์ด้านข้าง พร้อมลายกราฟิกที่ดูเรียบหรูเหมือนไฮโซผู้ดี รวมถึงติดโลโก้ปีกนกสีแดงไว้ด้านข้าง เบาะดีไซน์ 2 ระดับขนาดกว้าง พร้อมติดตั้งมือจับคนซ้อนมาให้ เสริมด้วยแร็คท้ายเอาไว้บรรทุกสัมภาระได้เต็มพิกัด ดูโดดเด่นสมกับเป็นทัวริ่งไบค์ที่ขายดีที่สุดในเวลานี้
ในด้านขุมพลังจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับเจ้า CRF1100L Africa Twin กับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ขนาด 1,084 ซีซี พร้อมเพลาข้อเหวี่ยง 270 องศา ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 100.58 แรงม้าที่ 7,250 รอบ แรงบิดที่ 104 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ เสริมด้วยเฟรมแบบโครงเหล็กและซับเฟรมอลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแรง ทนทาน พร้อมถังน้ำมันขนาด 20.4 ลิตร
พร้อมระบบช่วงล่างด้วยโช้คอัพ Showa แบบหน้าหัวกลับขนาด 43 มม.ส่วนด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวปรับพรีโหลดได้ และระบบเบรก กับดิสก์หน้าแบบคู่ขนาด 310 มม. ปั๊มเบรกเรเดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบจาก Nissin และดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 256 มม. พร้อมปั๊มเบรกลูกสูบเดียว แถมยังมาพร้อมระบบเบรก ABS และล้อขนาดเท่ากันที่ 17 นิ้ว ยางขนาด 120/70 และ 180/55 ตามลำดับ
ต่อด้วยเทคโนโลยีทางค่ายนั้นก็จัดมาให้เต็มพิกัด กับระบบคันเร่งไฟฟ้าสามารถควบคุมการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบป้องกันล้อหน้าลอย ระบบแทร็คชันคอนโทรล โหมดการขับขี่ 3 โหมด (Urban, Rain, Tour) และปรับได้เองอีก 2 โหมด (User1, User2) ระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ (DTC) สามารถปรับใช้งานตามความต้องการของผู้ขับขี่อีกด้วย
นอกนี้ยังมาพร้อมกับระบบไฟ LED รอบคัน ระบบไฟเตือนฉุกเฉิน ESS กล่องสัมภาระความจุรวมขนาด 65 ลิตร อุ่นมือ ระบบครูซคอนโทรล ช่องเสียบ USB Type A หน้าจอสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับแอป Apple CarPlay® และ Android Auto® โดยเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ สามารถเปิด Map ดูเส้นทาง ฟังเพลงได้สะดวกสบายและเพลิดเพลินไปกับการขับขี่อีกด้วย
สำหรับราคานั้นทางออฟฟิเชียลยังไม่ได้เปิดเผยออกมา และยังไม่มีข้อมูลแน่นอนว่าจะเข้ามาขายในไทยหรือไม่ แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ ในบ้านเรายังมีโฉมเจ็นก่อนพร้อมจำหน่ายในราคา 515,000 บาท สามารถเข้าไปดูตัวจริงได้ที่ Honda BigWing สาขาใกล้บ้านท่านได้เลย
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก