Melli & Amp Matze A ten thousand miles Journey

Admin Superbike

Melli & Amp Matze A ten thousand miles Journey

SB: อยากให้แนะนำตัวเองให้กับแฟนๆ SuperBike สักนิดครับ Melli&Matze: สวัสดีครับ/ค่ะ พวกเรา Melli (30 ปี) และ Matze (29 ปี) จากเมืองเล็กๆ ใกล้แฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยตอนนี้พวกเรากำลังเดินทางจากเยอรมนีไปยังออสเตรเลียด้วยมอเตอร์ไบค์

Melli&Matze

SB: อะไรเป็นแรงบันดาลใจ ให้คุณเริ่มต้นออกเดินทางโดยมอเตอร์ไบค์?

Melli&Matze: พวกเราอยากที่จะออกเดินทางท่องโลกอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเอเชีย ด้วยความที่ Matze นั้นขี่มอเตอร์ไบค์มาตั้งแต่อายุได้ 18 ปี และเขาเองก็มีความฝันที่จะออกเดินทางรอบโลกด้วยมอเตอร์ไบค์ อีกทั้งการเดินทางโดยสองล้อนั้นตอบโจทย์ความฝันของเรามากกว่า ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการขับรถยนต์ และสามารถเดินทางได้สะดวกมากกว่าการเดินทางแบบแบ๊คแพ็ค ที่ต้องพึ่งขนส่งสาธารณะ และการเดินทางโดยสองล้อที่ได้ผ่านประเทศต่างๆ ทำให้เราได้รู้จักประเทศที่เดินทางผ่านได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

SB: คุณตั้งเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ไว้อย่างไร?

Melli&Matze: เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือการได้ท่องเที่ยว รวมไปถึงเรียนรู้ถึงค่านิยมและวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป อีกทั้งการได้กินอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ จากคนพื้นเมือง ซึ่ง Matze นั้นเป็นพ่อครัวซึ่งเขาเองก็ชอบกับการได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารในแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

SB: ทำไมถึงเลือก BMW R 1100 GS เป็นรถคู่ใจ?

Melli&Matze: ในตอนแรกเราเองก็ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับประเภทรถที่เหมาะสมในการใช้เดินทาง ซึ่งตีโจทย์ออกมาได้ระหว่าง Honda Africa Twin กับ BMW ในตระกูล GS ซึ่งพอมาคิดด้วยแล้วด้วยเงื่อนไขอย่างการเดินทางสองคน จึงคิดว่ารถที่มีปริมาตรกระบอกสูบเยอะกว่าน่าจะได้เปรียบกว่า อีกทั้งงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดทำให้เราต้องหารถมือสอง ซึ่งทั้งสองตัวนี้ราคาก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ผลออกมาก็ได้เป็นเจ้า R 1100 GS ซึ่งได้มาในสภาพที่ดีมาก ไมล์วิ่งน้อย รวมถึงราคาเองก็ไม่แพงด้วย ประมาณ 3,000 ยูโร (ประมาณ 115,000 บาท) ซึ่ง Matze ได้ลองขี่แล้วก็ตัดสินใจซื้อเลย และก็ไม่ผิดหวังเพราะว่าตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงตอนนี้รถคันนี้ก็ยังไม่เคยงอแงเลยสักครั้ง จนเราตั้งฉายาเจ้ารถคันนี้ไว้ว่า “Gregor” จากตัวละครในซีรี่ย์ Game of Throne ที่แข็งแกร่งดุจดั่งภูผา

BMW R 1100 GS
BMW R 1100 GS

SB: ก่อนการออกเดินทางมีการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไว้อย่างไรบ้าง?

Melli&Matze: ก่อนออกเดินทางก็มีการเตรียมพวกรายการข้าวของที่ต้องใช้ รวมไปถึงการจัดการขอวีซ่าสำหรับเข้าประเทศอิหร่าน ปากีสถาน และอินเดีย อีกทั้งการมองหาพาร์ทเนอร์ในการเดินทาง ซึ่งได้ทาง Wunderlich เยอรมนี เป็นผู้สนับสนุนการเดินทางของเราในครั้งนี้ ซึ่งทาง Wunderlich เองก็ได้สนับสนุนในส่วนของพาร์ทต่างๆ ในตัวรถ ส่วนเรื่องแผนการเดินทางนั้นวางไว้เพียงคร่าวๆ เท่านั้น เพราะว่าในการเดินทางจริงเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

SB: ในระหว่างการเดินทางจากเยอรมนี มาถึงประเทศไทย ได้ใช้เส้นทางไหน และผ่านมากี่ประเทศแล้วบ้าง?

Melli&Matze: เราเดินทางออกจากเยอรมนีในช่วงปลายเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา โดยได้วิ่งผ่าน ออสเตรีย สโลเวเนีย จากนั้นก็เข้าสู่โครเอเชีย วิ่งเลาะแนวชายฝั่งทะเล Adria เพื่อเข้าสู่ มอนเตเนโกร และอัลเบเนีย ซึ่งในระหว่างที่อยู่ที่อัลเบเนียนั้นเราได้พบกับประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโร้ดที่สนุกบนภูมิประเทศแบบภูเขา ถัดมาก็เป็นกรีซและตุรกี และต่อด้วยจอร์เจียและอาร์เมเนียซึ่งเป็นที่ๆ ประทับใจเราทั้งคู่อย่างมาก ถัดจากอาร์เมนียก็เดินทางเข้าสู่อิหร่าน ซึ่งเราได้มีโอกาสพักแรมกับชาวบ้านที่นั้นพร้อมทั้งได้ออกสำรวจทะเลทรายอีกด้วย ประเทศต่อมาเราได้เข้าสู่ปากีสถาน โดยใช้ถนนหลวง Karakorum วิ่งเลาะไปยังแนวชายแดนที่ติดกับประเทศจีน และได้ขี่วนกลับมายังอินเดีย และเนปาล โดยใช้เวลาหนึ่งเดือนท่องเที่ยวและพักผ่อนในเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ก่อนที่จะตัดสินใจขนรถของเราขึ้นเครื่องบินไปยังกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (เนื่องด้วยปัญหาในการผ่านเข้าประเทศเมียนมาร์) จากนั้นก็ขี่จากกัวลาลัมเปอร์มายังประเทศไทย

SB: คิดว่าอะไรเป็นอุปสรรคที่เลวร้ายที่สุดที่เจอในการเดินทางครั้งนี้

Melli&Matze: สิ่งที่แย่ที่สุดในการเดินของเรานั้นคงจะเป็นการที่ต้องขับขี่ผ่านเขตอันตรายในปากีสถาน ซึ่งที่นั่นเราต้องมีทหารคอยนำทางเรา รวมไปถึง Matze ก็ป่วยด้วยอาการอาหารเป็นพิษ ทำให้ทานอะไรไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงสลับกับห้องน้ำตลอด 5 วัน ที่โรมแรมเองก็ไม่มีอินเทอร์เน็ต รวมถึงการออกไปข้างนอกก็ไม่ปลอดภัย ส่วนเรื่องแย่ๆ อีกเรื่องก็คงจะเป็นการจราจรในอินเดียนั่นแหละ ที่นั่นมันโหดร้ายน่าดูเลยล่ะ (หัวเราะ)

SB: แล้วเรื่องที่ประทับใจระหว่างเดินทางบ้างล่ะ?

Melli&Matze: เรื่องที่ประทับใจมีหลายเรื่องเลย อย่างแรกก็เป็นการได้ตั้งแคมป์ในทะเลทรายของอิหร่าน ที่ซึ่งตกกลางคืนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านๆ ดวง หรืออย่างการได้ขับขี่บนถนน Karakoram ในปากีสถานที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของภูเขาน้ำแข็ง หรือที่เนปาลเราได้ไปท่องเที่ยวส่องสัตว์และได้เห็นเสือแบบตัวเป็นๆ ด้วย และในไทยเราได้แวะหาดสวยๆ หลายแห่ง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ก็จะเป็นอาหาร พวกเราชอบอาหารเอเชียมากๆ รวมไปถึงคนท้องถิ่นที่เป็นมิตร อย่างคนที่เราเจอระหว่างทางก็มักจะเข้ามาขอเซลฟี่ รวมไปถึงแบ่งอาหารให้ทานอีกด้วย คนไทยเองก็เป็นมิตรและยิ้มแย้มต้อนรับเราตลอดทั้งเส้นทาง

SB: ในความคิดเห็นของคุณประเทศไทยเป็นยังไงบ้าง

Melli&Matze: อาหารอร่อยมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วก็อย่างที่บอกไว้ว่าคนไทยน่ารักและเป็นมิตรมากๆ อีกทั้งประเทศไทยยังมีหาดและธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกหลายแห่ง รวมไปถึงถนนหนทางก็ง่ายต่อการเดินทาง (มีปั๊มน้ำมัน โรงแรมตลอดเส้นทาง) โดยการมาประเทศไทยนั้นเป็นความฝันของเราอยู่แล้วว่าจะต้องแวะมาก่อนที่จะไปยังออสเตรเลีย เพื่อต้องการที่จะมาท่องเที่ยวและพักผ่อน รวมไปถึงการบำรุงรักษาเจ้า Gregor ด้วย ซึ่งเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ เราก็เข้าไปยัง Wunderlich ซึ่งก็ได้แนะนำร้านซ่อมมอเตอร์ไบค์ ที่เราสามารถจะนำรถของเราไปเซอร์วิสได้ อีกทั้งเรายังได้พบสมาชิกจากกลุ่ม BMW Motorcycle Club Thailand ที่คอยช่วยเหลือเราเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางไปต่อ

SB: คุณวางแผนจะไปต่อเป็นที่ไหน

Melli&Matze: ก็คงจะเป็นการขี่วนกลับไปยังมาเลเซียอีกรอบ ก่อนที่จะส่งรถขึ้นเรือไปยังอินโดนีเซีย และแวะท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆ อย่าง Bali, Java, Lombok, Flores ก่อนที่จะเข้าไปยังติมอร์ตะวันออก และปิดท้ายการเดินทางของพวกเราด้วยการข้ามไปยังออสเตรเลีย โดยคิดว่าเราจะใช้เวลาที่ออสเตรเลียประมาณ 3 เดือนซึ่งออสเตรเลียเองเป็นประเทศที่ใหญ่ เราเองก็ยังไม่ได้วางแผนการเดินทางแน่ชัดสักเท่าไหร่

 

SB: การที่ได้มาขี่รถมอเตอร์ไบค์รอบโลกในครั้งนี้ได้สอนอะไรกับคุณบ้าง?

Melli&Matze: คงจะเป็นเรื่องของการขับขี่มอเตอร์ไบค์เลย การได้เจอกับสภาพเส้นทางที่หลากหลาย การบรรทุกของมากๆ นั่นทำให้คุณต้องพัฒนาทักษะในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น แล้วก็ได้เรียนรู้ว่าคนอื่นหรือสถานที่อื่นในโลกนั้น ก็ไม่ได้ดีกว่าหรือว่าแย่กว่าบ้านเกิดของเรา ทุกๆ ที่นั้นเพียงแค่แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นเอง อย่างพวกเราเองได้รับการช่วยเหลือและหยิบยื่นน้ำใจหลายๆ ครั้ง ระหว่างการเดินทาง ซึ่งนั่นก็สอนให้เราเรียนรู้ที่จะแบ่งปันน้ำใจกลับไปสู่ผู้อื่นด้วย โดยเราตั้งใจว่าเมื่อเรากลับไปยังบ้านเกิดของเราแล้ว เราจะคอยช่วยเหลือคนที่เดินทางแบบเราไปตลอดทั้งชีวิต อีกเรื่องที่เรียนรู้ก็คือการจัดการ อย่างตอนนี้เราใช้ชีวิตโดยต้องการข้าวของเครื่องใช้เพียงแค่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสิ่งของอะไรมากมายเหมือนตอนที่เราใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน

SB: สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่มีความฝันเกี่ยวกับการเดินทางรอบโลกด้วยรถมอเตอร์ไบค์สักเล็กน้อย

Melli&Matze: ถ้าการเดินทางด้วยมอเตอร์ไบค์เป็นความฝันของคุณแล้ว คุณควรที่จะลองทำมัน มันอาจจะไม่สนุกตลอดเวลา บางครั้งมันเหนื่อยจนเราท้อ แต่ล้วนคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสบการณ์อันแสนวิเศษที่ได้รับมา เพียงแค่คุณออกไปขับขี่พร้อมรถคู่ใจ ไม่ต้องแบกของอะไรไปให้มากนักเอาไปเท่าที่จำเป็น และคุณไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า เพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ใช่คนรวย เราขายของบางอย่างที่บ้านรวมไปถึงเก็บเงินเป็นปี เพื่อที่จะทำตามความฝัน เรามีเพื่อนที่เจอระหว่างทาง ที่เขาขายทุกอย่างในชีวิตเพื่อออกเดินทางรอบโลก หาที่พักผ่าน Couchsurfing รวมไปถึงหางานทำระหว่างเดินทางเพื่อเก็บเงิน ดังนั้นตั้งเป้าหมายแล้วเริ่มทำมันเสียตอนนี้ ดีกว่าที่จะมาคอยพูดว่า “สักวันนึง…ฉันจะทำมัน”

—————————————————-

ขอบคุณ Wunderlich Thailand สำหรับการนัดสัมภาษณ์ Matze&Melli ในครั้งนี้

สามารถติดตามการเดินทางของ Matze&Melli ได้ที่ facebook : Reisegeschmack หรือ Instagram : reisegeschmack

ข่าวสารมากมายเกี่ยวกับบิ๊กไบค์ คลิก
ติดตาม Facebook SuperBike คลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

Scrambler Ducati - สายันต์ สว่างศรี (YUN )

Scrambler Ducati – สายันต์ สว่างศรี (YUN ) ผ […]

You May Like

Subscribe US Now