ส่อง 3 สกู๊ตเตอร์ไซส์เล็กน่าขี่ จากค่ายปีกนก ของดีที่ไม่มีขายในบ้านเรา
ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนโดยเฉพาะคนที่เป็นวัยรุ่นยุค 90 หรือวัยที่อายุมากหรือน้อยกว่านี้บวกลบไปอีกสักนิดหน่อย น่าจะเคยได้ยินคำว่ารถป๊อปกันมาบ้าง มันก็คือมอเตอร์ไซค์จำพวกสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กนั่นเอง เชื่อมั้ยว่าสมัยนี้ก็ยังมีกลุ่มคนที่ “ชอบ” และ “เล่น” รถจำพวกนี้อยู่เลย มาวันนี้ผมก็เลยจะพาไปดูไป ส่อง 3 สกู๊ตเตอร์ไซส์เล็กน่าขี่ แต่ดันไม่ขายในบ้านเรากันครับ
ขยายความอีกสักนิดเกี่ยวกับรถป๊อปที่บ้านเรานิยมกันอยู่ในยุคนึงนั้นมันจะเป็นรถที่มีขนาดเล็ก เครื่องยนต์มีความจุไม่เกิน 50 ซีซี ซึ่งมักนิยมใช้กันในระยะทางใกล้ ๆ อย่างในหมู่บ้านใหญ่ ๆ หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานมาก เนื่องจากขี่ง่ายขี่สะดวก รถเล็กน้ำหนักเบา บางรุ่นก็มีความสวย มีความน่ารัก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ขี่ได้ แต่ก็จะติดตรงที่ว่าไม่สามารถจดทะเบียนได้ เนื่องจากขนาดความจุน้อยเกินไป แต่ยังทำประกันภัยและพ.ร.บ.ได้ตามปกตินะ
1.Honda Tact
สำหรับรุ่นแรกจะเป็น Honda Tact สกู๊ตเตอร์ 50 ซีซีที่มาในสไตล์โมเดิร์นทันสมัย ให้ภาพที่ดูเหมาะกับการใช้งานในเมือง ดีไซน์เรียบง่ายเน้นการใช้งานได้จริง มิติที่มีความคล่องตัว เส้นสายดูเป็นเหลี่ยมสันให้ความโฉบเฉี่ยว แต่ไม่ดุดันมากนัก เหมาะกับการขี่ได้ทุกเพศทุกวัย
เจ้าคันนี้โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บของด้านหน้าทางซ้าย ตะขอแขวนของสำหรับแขวนถุงผ้าหรือสัมภาระอื่น ๆ ที่สามารถพับเก็บได้ ช่องเติมน้ำมันบริเวณที่วางเท้าช่วยให้เติมน้ำมันได้สะดวกไม่ต้องลงจากรถ ช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้เบาะขนาด 20 ลิตรที่เพียงพอกับสัมภาระขนาดเล็ก หรือจะหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า 1 ใบ และปิดท้ายด้วยตะแกรงท้ายรถสำหรับมัดและบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม
ส่วนเครื่องยนต์นั้นจะเป็นเครื่อง eSP ขนาด 50 ซีซี 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ให้กำลังดีและมีความประหยัด ทั้งยังมีระบบ Idiling Stop ช่วยดับเครื่องเวลาหยุดรถรอคนข้ามหรือติดไฟแดง และแค่บิดคันเร่งก็พร้อมออกตัวไปต่อได้ในทันที สะดวกว่ารถและประหยัดกว่ารถป๊อปสมัยก่อนมาก ๆ ครับ
ต่อมาเรื่องของช่วงล่างนั้นด้านหน้าจะเป็นโช้คแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว โดยจะมีล้ออลูมิเนียม 8 ก้านขนาด 10 นิ้วเท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และสำหรับระบบเบรกนั้นจะเป็นดรัมเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบคอมบายเบรก เวลากำเบรกหลังระบบจะช่วยกระจายเบรกไปยังเบรกหน้าให้ด้วย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้
สำหรับการวางจำหน่ายนั้นจะมี 5 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีน้ำเงินเดนิมเมทัลลิก สีเทาด้าน สีขาว สีดำกราไฟต์ และสีแดงเมทัลลิก โดยมีสนนราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 179,300 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 44,000 บาทเท่านั้น
2.Honda Giorno
รุ่นที่ 2 จะเป็นเจ้า Honda Giorno สกู๊ตเตอร์ไซส์เล็กในสไตล์คลาสสิควินเทจ ฮิตมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน มาจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นที่นิยม โดดเด่นด้วยดีไซน์มุ้งมิ้ง กลม ๆ มน ๆ โดนใจคนชอบความมินิมัล ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเลี้ยว เรือนไมล์อนาล็อก และกระจกมองหลังก็ออกแบบมาในแบบกลม ๆ มน ๆ เส้นสายของตัวรถก็เต็มไปด้วยเส้นโค้งดูสวยงามลงตัว
นอกจากดีไซน์คลาสสิกกลิ่นอายอิตาเลียนสมชื่อที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยแล้ว ตัวรถยังมีลูกเล่นการใช้งานที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะที่ใต้เบาะก็มีช่องเก็บของขนาดใหญ่เพียงพอจะใส่เอกสารหรือสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้สบาย ๆ หรือจะใส่หมวกแบบเปิดหน้า 1 ใบก็ทำได้เช่นกัน
ในส่วนสำคัญอย่างเครื่องยนต์นั้นจะเป็นเครื่องขนาด 50 ซีซี 2 จังหวะระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์ สำหรับคันนี้เรียกว่าคลาสสิคย้อนยุค ย้อนกันไปสมัยวัยเด็กวัยรุ่นกันเลยทีเดียวครับ
ต่อมาเรื่องของช่วงล่างก็จะมีระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว โดยจะมีล้ออลูมิเนียมขนาด 10 นิ้วเท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และสำหรับระบบเบรกนั้นจะเป็นดรัมเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
พูดถึงเรื่องของการจำหน่ายสำหรับโมเดลนี้จะเป็นโมเดลเก่าแล้ว และทางฮอนด้า ประเทศไทยเองก็ไม่ได้นำเข้ามาจำหน่ายแต่อย่างใด
- Honda GYRO X
มาต่อกันที่สุดท้ายที่แปลกแหวกแนวกว่าคันอื่น เพราะเจ้า GYRO X นั้นมี 3 ล้อ และออกแบบมาเพื่อใช้ในเชิงธุรกิจเสียมากกว่า แต่มันก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน ขนาดผมเองยังอยากได้เลย และย้อนไปในตอนสมัยที่ผมยังเป็นเด็กประถม ผมยังจำได้เลยว่าคุณครูของผมก็ใช้รถสไตล์นี้แหละขนสัมภาระต่าง ๆ สะดวกสบายมาก ๆ เลยครับ
สำหรับการดีไซน์นั้นไม่มีอะไรที่ออกไปในทางสวยงามมากนัก แต่เป็นไปในทางที่เรียบง่ายและเน้นการใช้สอยเป็นหลักซะมากกว่า ทว่ามันก็ได้อารมณ์ที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร ทั้งจากการที่มันเป็นสามล้อและความเป็นเหลี่ยมเป็นสันได้กลิ่นอายความเรโทรไปอีกแบบ
ด้านหน้ารถดูเรียบง่ายแต่เด่นด้วยพื้นที่สำหรับวางสัมภาระนาดใหญ่ เหมาะกับการของจำพวกกล่องหรือลัง แบบเดียวกับด้านท้ายรถ แต่ด้านท้ายจะมีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้น ส่วนดีไซน์ของไฟต่าง ๆ ออกแบบมาในลักษณะเรียบง่ายเน้นการใช้งานเป็นหลัก มองเห็นได้ชัดแม้ยามฝนตกในเวลาค่ำคืน กระทั่งหน้าจอแสดงผลก็เรียบง่ายเน้นการเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนที่เน้นการใช้งานจริง ๆ แต่จริง ๆ ก็เอามาขี่ใช้งานทั่วไปก็ทำได้นะ แปลกตาดีไม่น้อยเลยล่ะฃ
ส่วนฟังก์ชันการใช้งานนอกจากจะมีตะแกรงสำหรับวางของที่ด้านหน้าและด้านท้ายแล้ว จะมีระบบเบรกมือช่วยให้จอดรถได้สะดวก และมีช่องเติมน้ำมันที่ด้านข้างได้สะดวกโดยไม่ต้องเปิดเบาะเพื่อเติมน้ำมันอีกเช่นกัน
สำหรับเครื่องยนต์ของโมเดลนี้ก็จะต่างออกไปจากสองคันแรก ไม่ได้เป็นเครื่อง eSP แต่จะเป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 50 ซีซี 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด การันตีความประหยัดและสมรรถนะที่เหมาะสม ที่สำคัญคือเสียงรบกวนน้อยมาก ๆ อีกด้วย
พูดถึงเรื่องช่วงล่างกันบ้าง แน่นอนว่าแตกต่างจากทั้งสองคันแรกอีกเช่นกัน โดยด้านหน้าจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบบ็อทท็อมลิงก์ไทป์ ส่วนด้านหลังจะเป็นยูนิตสวิงไทป์ ส่วนล้อจะเป็นล้อขนาด 10 นิ้วที่ด้านหน้า ด้านหลังจะเป็น 8 นิ้ว ใช้ยางแบบไม่ต้องใช้ยางใน 90/100 -10” และ 130/70-8” ตามลำดับ ส่วนระบบเบรกจะเป็นดรัมเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ
ส่วนเรื่องการจำหน่ายนั้นราคาค่อนข้างจะแรงหน่อยคืออยู่ที่ 404,800 เยน หรือราว ๆ 99,000 บาท เมื่อแปลงเป็นเงินไทย ซึ่งค่อนข้างแรงเลยทีเดียว แต่ถ้าเอามาใช้ธุรกิจขนส่งล่ะก็น่าจะตอบโจทย์ไม่น้อยเลยล่ะครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือ ส่อง 3 สกู๊ตเตอร์ไซส์เล็กน่าขี่ จากค่ายปีกนก หรือรถป๊อปที่น่าสนใจทั้ง 3 คันที่ไม่มีขายในไทยครับ
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก