รีวิว Triumph Bonneville T120 & Thruxton R

iCe Superbike

โดดเด่นกว่าที่คุณคุ้นเคยด้วยสไตล์ สมรรถนะและการควบคุมกับรถจากแดนผู้ดี แต่มาในราคาสุดคุ้ม หนึ่งคือคลาสสิคไบค์สุดหล่อกับอีกหนึ่งคือคาเฟ่เรซเซอร์ที่ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความคลาสสิคได้อย่างลงตัว

เรื่อง: Bank SuperBike              เรียบเรียง: Thammarat Saelee                   ภาพ: Man

ครั้งนี้ค่ายรถแดนผู้ดีอย่าง Triumph ได้เชิญทีมงานขึ้นเครื่องบินไปลองสัมผัสรถใหม่จากตระกูล Bonneville ที่เหลืออีก 2 รุ่น นั่นก็คือ T120 และ Thruxton R กันถึงที่เชียงใหม่ยันปายกันเลยทีเดียว ทั้งนี้เราจะได้รู้กันคร่าวๆ ว่าทั้ง 2 คันนี้นั้นมีสมรรถนะเบื้องต้นเป็นยังไง ก่อนที่เราจะไปทดสอบกันอีกครั้งแบบเต็มๆ พร้อมขึ้นไดโนให้รู้กันชัดๆ ว่าเป็นยังไงแบบละเอียดกันไปครับ

 

Bonneville T120 Black

หลังจากฟังบรี๊ฟเส้นทางคร่าวๆ ว่าเส้นทางช่วงแรกจะเป็นเส้นทางเชียงใหม่มุ่งหน้าไปยังปายเป็นระยะทางยาวราวๆ 130 กม. ผมได้มีโอกาสลองขี่เจ้า Triumph T120 Black โมเดิร์นคลาสสิคไบค์ที่โดดเด่นด้วยสไตล์และสีสัน หน้าตาดูเหมาะเจาะลงตัว เรือนไมล์ก็ยังเป็นแบบอนาล็อกกึ่งดิจิตอลไม่ทิ้งความคลาสสิค แต่ก็ไม่ลืมเรื่องความสะดวกสบาย ไฟท้ายเป็น LED แต่มาในสไตล์คลาสสิคเช่นเคย ตัวรถยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ อุ่นมือหรือฮีทกริป โหมดการขับขี่ 2 โหมดคือ Road และ Rain ไฟบอกเกียร์ แทร็คชั่นคอนโทรล และระบบเบรค ABS ครบถ้วนจนไม่คิดว่าเป็นคลาสสิคไบค์เลยล่ะครับ

ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่สองสูบขนาด 1,200 ซีซี High Torque ที่แปลว่าแรงบิดสูง ซึ่งทางค่ายเคลมมาว่าให้แรงบิดที่รอบต่ำมากถึง 105 นิวตันเมตรที่ 3,100 รอบ ซึ่งมากกว่า T100 รุ่นก่อนหน้าถึง 54% เลยทีเดียวครับ ส่วนแรงม้านั้นเคลมมาที่ 80 แรงม้าที่ 6,550 รอบ เส้นทางที่ทางทีมงาน Triumph เลือกมาเรียกได้ว่าเหมาะแก่การพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ใหม่นี้เป็นอย่างยิ่ง เส้นทางนั้นมีทั้งโค้งลึก โค้งอับสายตา โค้งกว้าง นอกจากนี้ยังมีโค้งแบบขึ้นเขาหรือลงเขาอีกด้วย เรียกได้ว่าหลากหลาย ซึ่งเครื่องยนต์ของมันก็เรียกได้ว่าเพียงพอครับ ไม่ว่าจะเร่งเครื่องขึ้นเขาหรือออกจากโค้งก็ทำได้ดี แถมยังมีแรงเหลือๆ ไปต่อได้อีกด้วยซ้ำ คันเร่งไฟฟ้าเองก็ทำงานได้สมู้ทนิ่มนวลครับ ล้อซี่ลวดที่มาพร้อมกับยาง Pirelli Phantom Sportcomp ที่ออกแบบมาให้สำหรับคลาสสิคไบค์เองก็ให้ความหนึบมาพร้อมดอกยางที่ดูคลาสสิค หนึบมากแบนจนหมดขอบครับ ความเร็วสูงสุดที่ผมลองทดสอบนั้นได้ที่ 180 กม./ชม. ซึ่งสำหรับคลาสสิคไบค์นั้นเรียกได้ว่าแรงและเพียงพอกับการขี่รถออกทริปแน่นอน หลังจากนั้นชั่วโมงนิดๆ ผมก็ถึงจุดนัดหมายและเป็นจุดพัก ก่อนที่จะเปลี่ยนรถไปขับอีกคันที่เรียกได้ว่าเป็นทีเด็ดสำหรับขาซิ่งที่ชอบอะไรที่มันมีสไตล์แต่ไม่ทิ้งความแรงหรือสมรรถนะครับกับ Triumph Thruxton R

 

Thruxton R

แว้บเเรกเลยผมเห็นมอเตอร์ไบค์จอดสลับสีกัน ใจผมนี่คิดมาก่อนเลยว่าผมต้องสีแดงแน่นอน มันสวยมากๆ สีแดงตัดกับสีเหลืองทองจากโช้คหน้าของ Showa ปรับ 2 จุด และโช้คหลังสีเหลืองและทองจาก Ohlins นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยยางสไตล์สปอร์ตอย่าง Pirelli Rosso Corsa ที่ให้การยึดเกาะสูง โช้คหน้า Showa ดิสก์เบรคหน้าคู่พร้อมคาลิเปอร์เบรคโมโนบล็อกและปั๊มบนจาก Brembo (คาลิเปอร์เบรคหลังยังเป็น Nissin อยู่ แต่เท่านี้ก็เหลือๆ แล้วครับผม) กระจกปลายแฮนด์ พร้อมด้วยครอบเบาะหลัง (ตูดมด) บอกคำเดียว “สุด” สมกับเป็นคาเฟ่เรซเซอร์และการเป็น Thruxton รหัส R ที่สื่อถึงความเป็นเรซซิ่ง นอกจากนี้เจ้า Thruxton นั้นมีฟังก์ชั่นการใช้งานทั่วไปคล้ายกันกับกับ T120 แต่เหนือล้ำกว่าด้วยโหมดการขับขี่แบบ Sport ที่เพิ่มเข้ามาครับ แต่คุณคงจะสงสัยสินะครับว่าทำไม Thruxton โมเดลธรรมดาหายไปไหน ทำไมโดดมาเป็น Thruxton R เลย ซึ่งผมก็แอบถามมาก็รู้มาว่าทางค่ายมองว่า Thruxton R นั้นมาราคาค่อนข้างดีและคุณภาพก็โดดเด่นกว่า Thruxton ค่อนข้างมากด้วย ดังนั้นทาง Triumph เลยเลือกที่จะเน้นรหัส R ที่มีความคุ้มค่ามากกว่าครับ ซึ่งผมโคตรเห็นตรงกันกับทีมงานเลย เพิ่มอีกนิดของดีๆ มาเยอะกว่า มีหรอครับที่จะไม่คุ้ม

ขึ้นไปเอาผ้าเย็นแปะหน้ากับดื่มน้ำอัญชันผสมมะนาว สดชื่นแก้กระหายกันก่อน เพราะก่นหน้านี้ระหว่างทางเราเจอไฟป่ามาระยะนึง ปากและคอถึงกับแห้งผากเลยครับ บวกกับผมใส่หมวกสไตล์คลาสสิค เปิดหน้า จะได้เข้ากับรถ โอ๊ย! น้ำตาจะไหล 555 (ในใจก็แอบแค้นบก.ที่สั่งให้ใส่) เมื่อพร้อมแล้วเข้าฟังบรี๊ฟเส้นทางที่เราจะขับขึ้นไปกินกาแฟอีกประมาณ 40 กิโล  คิดในใจทำไมสั้นจัง แต่พอได้ขี่จริงๆ แม้ระยะทางจะสั้นแต่เส้นทางนั้นมันส์มากๆ

Thruxton R นั้นก็มาพร้อมเครื่องยนต์ High Torque 2 สูบ ขนาด 1,200 ซีซีเช่นเดียวกันกับ T120 แต่ว่าแตกต่างด้วยกำลังอัดที่มากกว่า แน่นอนว่ากำลังอัดมากกว่าสมรรถนะก็เลยดีมากขึ้นตามไปด้วยทางค่ายเคลมมาว่าแรงบิดนั้นดีกว่ารุ่นเก่ามากถึง 62% มาอยู่ที่ 112 นิวตันเมตรที่ 4,950 รอบ มากกว่า T120 ด้วยซ้ำ ส่วนแรงม้ามาอยู่ที่ 97 ตัวที่ 6,750 รอบ เรียกได้ว่าแรงจริงๆ แม้จะใช้เครื่องเดียวกันแต่ก็แรงกว่าเจ้า T120 สมกับเป็นคาเฟ่เรซเซอร์ หลังจากที่ผมได้ลองขี่ผมก็ชักจะสงสัยแล้วว่ามันเป็นรถสปอร์ตหรือเปล่า ผมเทหมดขอบเกือบทุกโค้ง ช่วงล่างที่โรงงานเช็ตมาให้นั้นทำได้ดีมาก ทั้งโช้คหน้า-หลัง กำลังเครื่องยนต์เองก็ถือว่าเหลือเฟือ จบวันแรกผมยังขี่เจ้า Thruxton R ได้ไม่หนำใจเท่าไหร่นัก หลังจากขี่ฟรีสไตล์กลับมาที่พัก ทางมาร์แชลก็ถามผมว่าพรุ่งนี้จะกลับเชียงใหม่จะขับคันไหนกลับเชียงใหม่ ระหว่าง T120 กับ Thruxton R ผมตอบแบบไม่คิด เลยว่า Thruxton R สิครับ แต่นั่นไม่ใช่ว่าเจ้า T120 ไม่ดีนะครับ คือผมชอบ Thtuxton R มากกว่าอ่ะ มันหล่อกว่า… วันกลับผมขับ Thruxton R ทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กม./ชม. แต่เจอกับโค้งก่อน  (คิดในใจถ้าผมผอมหน่อยคงไปได้อีกเยอะ) แต่ที่ขับเร็วเพราะผมตามกลุ่มหน้าไม่ทันครับ แน่นอนว่ากลุ่มหน้าเองก็เลือก Thruxton R กันหมด ไม่รู้เพราะอะไร หล่อมั้ง ถามใจดูละกันครับ ถึงที่พักใกล้สนามบิน ใช้เวลาโดยประมาร หนึ่งชั่วโมงเกือบๆ สองเพราะรอกลุ่มขับเข้าที่พักเตรียมล้างหน้าล้างตาบินกลับกรุงเทพ ถือว่าสองวันที่บินมาเทสต์ใช้เวลาคุ้มค่าเลยทีเดียวครับ

สำหรับผมแล้วผมว่า T120 เหมาะกับขับชิลล์ๆ กินลม แวะจิบกาแฟ ใช้งานในเมืองได้ดี ออกทริปได้สบายครับ ส่วนของ Thruxton R ขับหล่อ ออกทริป ใช้ในเมือง ซึ่งในใจผมว่าเอามาขับสนามก็ยังได้เลยนะครับ คือพร้อมออกรบได้ตลอดเวลา และจัดเป็นตัวเลือกที่ผมว่าคุ้มค่าที่สุดครับ อ่อเกือบลืมบอกไปครับว่าหากใครไม่ชอบหน้าชอบตาเดิมๆ สามารถตกแต่งโดยซื้อของแต่งตรงรุ่นจากศูนย์เพื่อแปลงโฉมตั้งแต่ก่อนถอยรถออกจากศูนย์บริการได้เลยครับ

“มาร์แชลถามผมว่าจะขับคันไหนกลับเชียงใหม่ ผมตอบแบบไม่คิด เลยว่า Thruxton R”

 

Triumph Boneville T120
ราคา 530,000 บาท
Engine
Type:
1,200cc Liquid cooled, 8 valve, SOHC, 270° crank angle parrellel twin
Bore X Stroke:
97.6 mm X 80 mm
Compression Ratio:
10.0:1
Fuel System:
Multipoint sequential electronic fuel injection
Transmission:
6-speed
Final Drive:
Chain
Chassis
Frame: Tubular steel cradle
Front Suspension:
Kayaba 41mm cartidge forks, 120mm travel
Rear Suspension:
Kayaba twin shocks with adjustable preload, 120mm rear wheel travel
Brake:
(F) Twin 310mm discs, Nissin 2-piston floating calipers, ABS
(R) Single 255mm disc, Nissin 2-piston floating caliper, ABS
Tyres:
(F) 100/90-18, (R) 150/70 R17
Geometry
Wheelbase: 1,445 mm
Seat Height:
785 mm
Weight:
224 Kg (Dry)
Fuel Capacity:
14.5 L

 

Triumph Thruxton R
ราคา 600,000 บาท
Engine
Type:
1,200cc Liquid cooled, 8 valve, SOHC, 270° crank angle parrellel twin
Bore X Stroke:
97.6 mm X 80 mm
Compression Ratio:
11.0:1
Fuel System:
Multipoint sequential electronic fuel injection
Transmission:
6-speed
Final Drive:
Chain
Chassis
Frame: Tubular steel cradle
Front Suspension:
Showa 43mm USD big piston forks, fully adjustable 120mm travel
Rear Suspension:
Fully adjustable Ohlins twin shocks with piggy back reservoir , 120mm rear wheel travel
Brake:
(F) Brembo twin 310mm floating discs Brembo 4-piston radial monobloc calipers, ABS
(R) Single 220mm disc, Nissin 2-piston floating caliper, ABS
Tyres:
(F) 120/70 ZR 17 – Pirelli Diablo Rosso Corsa
(R) 160/60 ZR17 – Pirelli Diablo Rosso Corsa
Geometry
Wheelbase: 1,415 mm
Seat Height:
810 mm
Weight:
203 kg (Dry)
Fuel Capacity:
14.5 L

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม คลิกทีนี้
ติดตาม facebook SuperBike คลิกทีนี้

Next Post

งานแข่งยอดนิยมด้วยมอเตอร์ไซค์ที่ทำขึ้นเองและดูแปลกตาที่มีชื่อว่า Britten

ย้อนกลับไปช่วงต้นทศวรรษ 1990 วงการมอเตอร์ไบค์นั้นส […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version