รีวิว S1000RR 2023 อัพเดตใหม่ แรงขึ้น ล้ำขึ้น 

Admin Superbike

รีวิว S1000RR 2023 อัพเดตใหม่ แรงขึ้น ล้ำขึ้น 

รีวิว S1000RR 2023กลับมาอีกครั้งสำหรับการ  รีวิว S1000RR 2023 โมเดลอัพเดตใหม่ ที่เพิ่มทั้งความแรง และเทคโนโลยีใหม่ ๆ  และในครั้งนี้ได้มีโอกาสมาขี่ทดสอบในงาน BMW Motorrad Trackday 2023 ครั้งแรกของปีนี้ ที่ทางค่ายใบพัดสีฟ้าจัดให้สำหรับลูกค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่สนามระดับโลกอย่างช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต บุรีรัมย์

แน่นอนงานครั้งนี้เป็นกิจกรรมแทร็กเดย์ก็เลยจะมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถ BMW ทั้งประเทศไทยมาร่วมตัวกันอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะลงขับขี่แทร็กเดย์ และพารถคู่กายคู่ใจมารีดสมรรถนะกันอย่างเต็มที่ มีเท่าไรก็ใส่กันไปแบบไม่ยั้ง รวมไปถึง พี่ ๆ เพื่อน ๆ สื่อมวลชน ที่ตั้งหน้าตั้งตารอทดสอบสุดหล่อซูเปอร์ไบค์เรือธง ประจำค่ายอย่าง BMW S1000RR 2023 ตัวใหม่ล่าสุด ที่มีจำหน่ายในบ้านเรา โดยแบ่งเวลาให้ขับขี่ทดสอบกันแบบจุใจเต็มทั้งวัน ถือว่าถูกใจสายทดสอบอย่างยิ่ง

ขอพูดถึงตัวรถปี 23 กันก่อน โมเดลนี้จะมีพื้นฐานหลัก ๆ เหมือนโมเดล 2020 อยู่ แต่มีบางอย่างที่ปรับเปลี่ยนไป และมีฟีเจอร์และเทคโนโลยีเสริมเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งให้ทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ทันสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์กับไบค์เกอร์ยุคใหม่ ๆ นั่นเอง

แฟริ่งใหม่พร้อมปีก

เข้าเรื่องของรูปโฉมกันครับ สำหรับโมเดลนี้จะมีแฟริ่งใหม่ดีไซน์ใหม่ตามหลักอากาศพลศาสตร์  ติดปีกหรือวิงก์เล็ตมาจากโรงงาน ซึ่งปีกนี้จะสามารถสร้างแรงกดที่ล้อหน้าได้มากถึง 17.1 กิโลกรัมที่ความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้มีการยึดเกาะที่ล้อหน้ามากขึ้นและช่วยสร้างเสถียรภาพที่ความเร็วสูง ๆ ยังมีดีไซน์แรมแอร์แบบ M1000RR ตัวแรก ช่วยเพิ่มมวลอากาศไอดีที่จะเข้าสู้ห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น และยังมีในส่วนของ ชิลด์บังลมใหม่ที่มีการดีไซน์ให้มีองศาที่ชันขึ้นสูงขึ้น ถือว่าเป็นอีกส่วนที่ดีที่เลยปรับมาให้ เหมาะสำหรับสายออกทริปใช้งานในชีวิตประจำวัน

หน้าจอสี TFT ขนาดใหญ่ แสดงผลได้หลากหลาย

ประกับด้านซ้ายพร้อมมัลติคอนโทรลเลอร์

ส่วนความหล่อของหน้าจอเรือนไมล์ก็ให้หน้าจอสี TFT มาให้ ใช้งานร่วมกับมัลติคอนโทรลเลอร์ที่ปะกับทางด้านซ้ายใช้งานง่าย และอีกอย่างที่ถูกใจสายซ้อนก็คือมีเบาะนั่งคนซ้อนมาให้จากโรงงาน ซึ่งส่วนตัวแล้วมีติดอยู่อย่างเดียว ถ้าให้ระบบสมาร์ทคีย์มาจะดีมาก

บล็อกเดิมจูนใหม่แรงขึ้น 

ต่อกันที่เรื่องของขุมพลังสั้น ๆ ตรงนี้ก่อนก็บอกเลยเครื่องยนต์แรงขึ้น เพราะปรับจูนมาใหม่ ทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ตัว กลายเป็นว่าเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงบล็อกเดิมจูนใหม่นี้สามารถรีดแรงม้าสูงสุดได้ถึง 210 ตัวที่ 13,750 รอบ/นาที และให้แรงบิด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที โดยจะมีคันเร่งไฟฟ้าเป็นตัวควบคุมการตอบสนองระหว่างผู้ขับขี่และตัวรถทั้งหมด  ในส่วนของทางระบายไอเสียก็ได้ดีไซน์ตัวแคทตาไลติกมาใหม่ให้ผ่านมาตรฐาน Euro 5 มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และควิกชิฟเตอร์ที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าโมเดลก่อนหน้านี้ ฉะนั้นบอกได้เลยว่าปลายไหลได้ถึง 300 กิโลเมตร / ชั่วโมง แบบสบาย ๆ

ช่วงล่างพร้อมซิ่ง 

พูดถึงโครงสร้างจุดใหญ่ ๆ กันก่อนเลย ตัวเฟรมมีการปรับมาใหม่ พร้อมมุมองศาแผงคอ 66.2 องศา ตัวรถมีฐานล้อที่ยาวมากขึ้นจากเดิม 1,441 เป็น 1,457 มิลลิเมตร และ ระยะเทรลจากเดิม 93.9 เป็น 99.8 องศา ส่งผลให้มีการควบคุมรถที่นิ่งและแม่นยำมากขึ้น พร้อมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมใหม่แบบ WSBK ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานช่วงล่างมาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ขนาด 45 มิลลิเมตร และด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ สามารถปรับได้เต็มระบบ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า ที่จะช่วยตอบโจทย์การขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

โช้คหน้าหัวกลับขนาด 45 ม.ม.

โช้คหลังเดี่ยวจาก Marzocchi

คาลิเปอร์โมโนบล็อกที่มีขนาดลูกสูบเท่ากับ M1000RR ตัวใหม่

คาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว

ระบบเบรกด้านหน้าแบบดับเบิ้ลดิสก์เบรก คาลิเปอร์โมโนบล็อกที่มีขนาดลูกสูบเท่ากับ M1000RR ตัวใหม่ ต่างกันเพียงแค่ดีไซน์และสีที่เป็นสีดำเพียงเท่านั้น ส่วนด้านหลังจะเป็นคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว ส่วนล้อจะเป็นล้ออลูมิเนียมขนาด 17 นิ้ว ยางหน้า 120/70-17 ยางหลัง 190/55-17 สำหรับช่วงล่างที่ให้มาพร้อมซิ่ง รองรับความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้อย่างสบาย ๆ

เทคโนโลยีจัดเต็ม

ต่อกันที่เรื่องของเทคโนโลยี ก็ต้องขอเน้นเรื่องโหมดการขับขี่หรือ Riding Mode ซึ่งทางค่ายเขามีให้เลือกใช้แบบครบทุกสไตล์การขับขี่ เริ่มจาก Rain, Road, Dynamic, Dynamic Pro, Race และ Race Pro ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะมีฟังก์ชั่นการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป และในแต่ละโหมด ก็ยังสามารถปรับตั้งค่าภายในโหมดนั้นเพิ่มเติมได้อีกด้วย ทำให้การขับขี่มีอรรถรสเพิ่มมากขึ้น จะเลือกเน้นนุ่มนวลปลอดภัย หรือมาแรง มาเต็มแบบถึงใจก็จัดให้ได้ไม่มีเสียแน่นอน

และด้านล่างก็คือตารางที่ทำขึ้นมาให้เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในแต่ละโหมดและละส่วนการทำงานของระบบภายใน BMW  S1000RR 2023

Riding Mode Rain Road Dynamic Dynamic Pro Race Race Pro
DTC

ค่าจากโรงงาน

6 5 4 1 3 1-6
DTC
ปรับเซ็ตได้ในโหมด Pro
1-2-3-4 1-2-3-4-5-6
Slip Control  Max Medium Medium Road Min For Slick For Slick
Slide Control  Max Max Max Max Medium Medium
Torque precontrol  Max Medium Min ไม่ทำงาน ไม่ทำงาน ไม่ทำงาน

 

  • Traction Control ระบบป้องกันการล้อหน้าหลังหมุนไม่สัมพันธ์กัน กันลื่นนั้นละเข้าใจง่ายๆ
  • Slip Control ระบบป้องกันการสลิปของล้อ
  • Slide Control ระบบรักษาสมดุลการสไลด์ของตัวรถ แต่ก็ยังคงมีองศาลิมิตในการทำงาน
  • Torque Precontrol ช่วยควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์

พูดถึงโหมด Race Pro เพิ่มเติมกันหน่อย เพราะโหมดนี้เป็นของใหม่ที่มาอยู่ใน S1000RR 2023 ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ จะทำงานก็ต่อเมื่อตัว IMU และ ECU ประมวลผลอย่างรวดเร็ว ช่วยสั่งการระบบต่าง ๆ รักษาสมดุลของตัวรถ ในโหมดนี้ก็ เช่นกัน ที่เรียกได้ว่าเป็นโหมดที่ซิ่งที่สุดในคันนี้ คันเร่งตอบสนองไวสุด เปิดให้ตัวรถสามารถสไลด์ในโค้งได้ คล้าย ๆ กับ SuperMoto ทำให้โหมดนี้ต้องมีทักษะในการขับขี่ในระดับนึง เรียกว่าออกแบบมาตอบโจทย์นักแข่ง หรือนักเลงแทร็กเดย์

ทีนี้เรามาพูดถึงระบบอย่าง Brake Slide Assist ที่เป็นระบบใหม่อีกเช่นกัน สำหรับระบบตัวช่วยเบรกสไลค์จะทำงานควบคู่กับเซ็นเซอร์ตรวจวัดองศาการบังคับเลี้ยว Steering angle Sensor ที่อยู่ตรงแผงคอหน้าด้านล่าง จะเป็นเซ็นเซอร์ช่วยให้การเบรกแล้วสไลด์แบบหล่อ ๆ ได้เลย แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขในการทำงาน เพื่อประสิทธิภาพแบบเต็มพิกัด ดังนี้

  • ต้องอยู่ในโหมดโปร เช่น Race Pro
  • ตั้งค่าระบบ ABS Pro เป็นโหมด Slick
  • ปิดระบบกันยกล้อ
  • ความเร็วต้องไม่ต่ำว่า 50 กม./ชม. และต้องลดความเร็ว แบบด่วน ๆ จาก 140 กม./ชม. ถึง 80 กม./ชม.
  • กดเบรกหลังลงไป 50%
  • ต้องมีมุมองศากระทำ 8-12 องศา

**ข้อแนะนำจาก SuperBike ไม่จำเป็นก็เบรกปกติได้ แต่ถ้าฉุกเฉินจริง ๆ ระบบทุกอย่างจะช่วยคุณเอง

ครูซคอนโทรลสำหรับสายเที่ยว

อุ่นมือก็มีมา สังเกตได้จากสวิตช์ควบคุม

นอกจากนี้ตัวรถยังมีระบบต่าง อีก เช่น Launch Control ระบบช่วยออกตัว ซึ่งเหมาะกับการใช้ในสนามแข่ง ระบบ Pitlane Limiter ตัวสปีดลิมิตล็อกความเร็วในพิทเลน เหมาะกับการใช้ในสนามแข่ง ระบบ HSC หรือ Hill Start Control ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันก็จะเหมาะกับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปนั่นเอง

และสำหรับโมเดลนี้จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเหมาะกับสายขี่ถนนมากขึ้นอย่างระบบ Cruise Control ระบบล็อคความเร็วในการเดินทาง ระบบ Heated grips หรืออุ่นมือ และ USB Socket ช่องเสียบไฟอเนกประสงค์

ฟีลลิ่งการทดสอบในสนามแข่ง

ท่านั่งและมุมมอง

รู้สึกได้ถึงระยะความกว้างของแฮนด์ที่ไม่กว้างมากด้วยตัวรถที่เป็นสไตล์สปอร์ตถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้องศาของตัวแฮนด์พอดีกับตัวรถ ตำแหน่งพักเท้าระยะพอดีเลยไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป เข้าเกียร์ได้ง่าย การแบนโค้งพักเท้าก็ไม่ได้ขูดกับพื้นแทร็ก ตรงนี้ก็ถือว่า ถ้าใช้งานในเมืองก็สามารถขี่ได้สบาย ๆ หรือ ถ้าจะลงขี่ในสนามก็ยังคงใช้รถเดิมโรงงานลงขี่ได้เช่นกัน ตำแหน่งผู้ขับขี่อยู่กลางลำตัวรถ จะถอยหมอบ หรือขี่ปกติ ก็สามารถทำได้ดี

และยังขอพูดถึงมุมมองหน่อย ด้วยตัวชิลด์หน้าที่สูงขึ้น ทำให้การมองดูง่ายขึ้น และก็ทำให้การขี่ในแทร็กไม่ต้องปะทะลมมากขึ้นด้วย ตรงนี้ก็จะทำให้ การขี่รถได้ ง่ายขึ้น นานมากขึ้น ในการทดสอบในสนามแข่งครั้งนี้ สำหรับท่านั่ง ผมถือว่าผ่านเลย

เครื่องยนต์แรงขึ้น 

ในการทดสอบในสนามรอบนี้ ใช้ โหมด Race Pro อยู่ตลอดเลย ไม่ได้ปรับอะไรเพิ่มเติมเท่าไร เป็นค่าเดิมจากโรงงานเลย โหมดนี้เป็นโหมดที่ตอบสนองคันเร่งได้ดีมาก ๆ บิดเป็นมา แรงม้ามาแบบเต็ม ๆ 210 ตัว ช่วงที่ผ่านโค้ง 1 ในสนาม ทางตรงยาว ๆ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 280 กม./ชม. แต่บางคนสามารถทำได้ถึง 290 กม/ชม. ถึงกล้าพูดว่าไม่มีตอนแรงม้าแน่นอน มาทั้งฝูงเต็มๆ โรงงานเองยังเคลมว่าท็อปสปีดมา 303 km/h เลยนะ แรงจริงๆ

การต่อเกียร์โดยใช้ควิกชิฟเตอร์ เข้าได้แม่น เข้าได้เนียน ไม่ต้องไปสนใจมาก เพียงแค่ไว้ใจกับหน้าที่ของมันเป็นพอ ทำให้เรามีสมาธิไปใส่ใจจุดเบรก จุดยกในโค้งได้ดีเลย และอีกอย่างเลยคือเสียงท่อเดิมกับเครื่องยนต์ตัวนี้ได้ฟีลลิ่งสุด ๆ เสียงที่ผ่านเข้ามาในโสตประสาทมันเร้าใจเสียเหลือเกิน บล็อกนี้ตอบโจทย์สายสนามแน่นอน แต่ก็นะ ใครจะไปขี่สนามได้ตลอดเวลา ถนนก็น่าจะใช้ได้ปกติละ เพียงพออยู่แล้ว ขอแค่เราขับแบบเข้าใจตัวรถ เข้าใจสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ แค่นี้ก็ขี่ได้สบาย ๆ

ช่วงล่างดี ระบบช่วยเหลือเพียบ 

ทางตรงก็มาเร็ว โค้ง 3 ก็ยูเทิร์น พึ่งอะไรไม่ได้แล้วนอกจากเบรก ที่ให้มาจากโรงงาน รวบเกียร์ได้ ก็ตามด้วยเบรกหน้า 60% เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถือว่าทำได้ดี ถึงแม้จะมีอาการเลื้อย ๆ หน่อย ทว่ารถก็ยังอยู่ในการควบคุม อาจจะเป็นเพราะระบบเบรกที่มีช่วยไว้ หรือไปถึงระบบเบรกแอสซิสต์ที่มาช่วยคุมสมดุลต่าง ๆ ด้วย ทำให้การเบรกแล้วไปต่อทำได้ดีมากขึ้น และช่วงล่างเดิมโรงงานที่เป็นไฟฟ้า ก็สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี โดยที่ตัวผมเองก็ไม่ได้ไปปรับหรือตั้งค่าอะไรเลย การเดินคันเร่งในโค้งไฮสปีดหรือโค้ง S ต่อเนื่องในสนาม ก็สามารถทำได้ ทำให้การพลิกรถ ทำได้ดีเลยทีเดียว มั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างจะช่วยคุณเอง

 😎 SuperBike สรุปให้ 😎 
สำหรับการรีวิว S1000RR 2023 คันนี้ ผมบอกเลยว่าเจ้านี่เป็นรถ SuperBike 1000 CC. ที่จะทำให้ทุกคนที่ได้ลองขับติดใจอย่างแน่นอน ด้วยรูปที่หล่อเหลาเอาการ เท่แบบมีปีก เครื่องยนต์แรงขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับช่วงล่างที่พร้อมตอบสนองทุกการใช้งาน ตลอดไปจนถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ให้มาแบบแน่น ๆ

สำหรับใครที่สนใจคันนี้ก็ จัดได้เลย เพราะคันนี้เปิดราคาอยู่ที่ สีดำ 984,000 บาท และ สีแดง 999,000 บาท หรือเข้าไปชมตัวจริงได้ที่ศูนย์ BMW Motorrad ทุกสาขาได้เลยทั่วประเทศไทย รับประกันความแรง ความหล่อ ถูกใจแน่นอน

สเปกและรายละเอียด

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี
แรงม้า (เคลม) 210 แรงม้าที่ 13,750 รอบต่อนาที
แรงบิด (เคลม) 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบต่อนาที
ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 80 X 49.7 ม.ม.
อัตราส่วนการอัด 13.3:1
ระบบเกียร์ 6 สปีด
ระบบจุดระเบิด อิเล็กทรอนิกส์
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไฟฟ้า
ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า
ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
ยางหน้า 120/70-ZR17″ แบบไม่ใช้ยางใน
ยางหลัง 190/55-ZR17″ แบบไม่ใช้ยางใน
ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คแบบหัวกลับขนาด 45 ม.ม. ระยะยุบ 120 ม.ม. ปรับคอมเพรสชัน รีบาวด์และพรีโหลดได้
ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คหลังเดี่ยวและสวิงอาร์มอลูมิเนียม WSBK ระยะยุบ 117 ม.ม. ปรับคอมเพรสชัน รีบาวด์และพรีโหลดได้
เบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 ม.ม. คาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบ และระบบเบรก ABS Pro
เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 ม.ม. คาลิเปอร์เบรก 1 ลูกสูบ และระบบเบรก ABS Pro
ยาว X กว้าง X สูง 2,073 X 848 X 1,205 ม.ม.
ระยะฐานล้อ 1,731 ม.ม.
ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 1,457 ม.ม.
ความสูงเบาะ 832 ม.ม.
น้ำหนักรถ 197 ก.ก.
ความจุถังน้ำมัน 16.5 ลิตร
ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ 95

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

Hayabusa ทำสถิติใหม่ แรงทะลุ 440 กม./ชม.

Hayabusa ทำสถิติใหม่ แรงทะลุ 440 กม./ชม. หากคุณคิด […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version