รีวิว PCX160 และ PCX160 e:HEV เพิ่มซีซี มีดิสก์หลัง การันตีแรงสุดในคลาส!!
ประเดิมปี 2021 กับการรีวิว All New Honda PCX160 กันก่อนเลยครับ โดยครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทดสอบรถในรูปแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Under Wrap Test Ride ทำให้การรีวิวทดสอบครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะบอกรูปทรงหรือสีสันได้เพราะตัวรถอยู่ภายใต้สติ๊กเกอร์ที่บดบังเอาไว้แถบจะทุกส่วนของตัวรถ ดังนั้นจะเน้นไปที่สมรรถนะของตัวรถกันเป็นหลักครับ
การทดสอบในคราวนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่น โดยรุ่นแรกที่ได้ทดสอบคือ PCX160 ABS และ PCX160 e:HEV เป็นรถที่มีพื้นฐานเหมือนตัวสแตนดาร์ดทุกอย่างเพียงแต่เพิ่มในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า และโหมดการขับขี่หรือ Riding Mode เข้ามามีช่วยในการขับขี่เพิ่มขึ้น
เครื่องใหม่ทั้งใหญ่ทั้งแรง
เรามาเริ่มกันที่พื้นฐานเครื่องยนต์กันก่อนเลย งานนี้บอกเลยว่าถ้าได้ลองแล้ว ต้องเสียเงินซื้อกันแน่นอน ด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว แบบ SOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำตัวใหม่ล่าสุดของทางฮอนด้า ที่มีการขยายความจุซีซีที่มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 157 ซีซีจากการขยายขนาดลูกสูบ โดยมีแคมชาฟต์เดี่ยวที่มาพร้อมกับกระเดื่องวาล์วแบบโรลเลอร์ยูนิแคม เพื่อลดแรงเสียดทานในระบบ ทำให้เครื่องแรงขึ้นและอัตราเร่งความเร็วทำได้ดีขึ้น
ทั้งยังเพิ่มกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 12 : 1 มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทางโรงงานเคลมกำลังอัดมามากสุดในคลาสนี้ และยังมีการปรับเปลี่ยนตัวดันโซ่แบบไฮดรอลิกเทคโนโลยีจากรถยนต์ ที่จะทำงานโดยใช้แรงดันจากน้ำมันมากดโซ่ราวลิ้น โดยจะมีแรงกดแปรผันตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและแรงเสียดทานของเครื่องตั้งแต่ในรอบต่ำจนถึงรอบสูง ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบสมู้ทและเสถียรมากขึ้น ซึ่งช่วยทำให้เครื่องยนต์เงียบขึ้นอีกด้วย และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย
ขยายไซส์เอาความแรงยังไม่พอ ต้องเพิ่มความลื่นด้วย Piston Oiljet เทคโนโลยีจากรถระดับ SuperBike ถูกนำมาใส่ใช้งานจริงในเครื่องยนต์ eSP+ หลักการทำงานเป็นหัวฉีดน้ำมันเครื่องใต้ลูกสูบ ทำหน้าที่ฉีดน้ำมันเครื่องใต้ลูกสูบอยู่ตลอดเวลา ลดแรงเสียดสีระหว่างตัวลูกสูบและเสื้อสูบให้น้อยที่สุด และยังช่วยระบายความร้อนได้ดี เพื่อที่จะรักษากำลังเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินเรียบเนียนและเงียบขึ้น จึงได้ไหลลื่นทุกรอบความเร็ว
ในส่วนของเพลาข้อเหวี่ยงที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ ทางด้านขวาของเพลาข้อเหวี่ยงมีการเพิ่มโรลเลอร์แบริ่ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัวเพลาข้อเหวี่ยงและลดการสั่นและการเกิดเสียงดังของเครื่องยนต์ ลดการบิดตัวของเพลาข้อเหวี่ยงที่รอบสูง ส่งผลให้อายุการใช้งานของเพลาข้อเหวี่ยงยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม และเครื่องยนต์เดินเงียบมากขึ้น
นอกจากนี้ทางฮอนด้าเองได้มีการดีไซน์ทางเดินอากาศฝั่งไอดีใหม่หมด ตั้งแต่กรองอากาศไปจนถึงเรือนลิ้นเร่งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นจาก 26 เป็น 28 มิลลิเมตร พร้อมกับเพิ่มความจุภายในหม้อกรองให้ใหญ่ขึ้นอีกจากเดิม 4.7 ลิตรเป็น 4.9 ลิตร ทำให้การผสมกันระหว่างน้ำมันและอากาศเข้าห้องเผาไหม้ได้ดีและมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ตัวรถมีกำลังที่มากขึ้นตามไปด้วย
และที่สำคัญคือมาต่อกันที่ท่อไอเสียใหม่ ดีไซน์การคายไอเสียแบบไม่อั้น ทำให้การคายไอเสียดีขึ้น การจุดระเบิดก็ดีขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญการปล่อยไอเสียต้องผ่านแคทตาไลติกที่ดีไซน์อยู่ในท่อไอเสียใหม่ ลดมลพิษที่จะเข้าสู่ชั้น เรียกว่ารักษ์สิ่งแวดล้อมไปในตัว
ส่วนของรุ่น e:HEV จะมีการเพิ่มระบบมอเตอร์แอสซิสต์ไฟฟ้าเข้ามา ช่วยในการออกตัว หรือเร่งแซง และยังทำหน้าที่ชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ลิเทียมที่ติดตั้งมาในรถอีกด้วย โดยแบตเตอรีลิเธียมที่ติดตั้งมานั้นมีน้ำหนักเบา อายุการใช้งานยาวนาน ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องคอยชาร์จไฟ พร้อมกันนี้ Honda ยังรับประกันให้อีก 3 ปีหรือ 30,000 กม.ในส่วนของแบตเตอรี่สำหรับระบบไฮบริดอีกด้วยครับ
นุ่มสบายด้วยช่วงล่างใหม่หมด
ในส่วนของช่วงล่างกันบ้าง เริ่มกันที่ชุดยางรองแฮนด์บาร์ใหม่ที่ทำจากโพลีคลอโรพรีนที่มีความทนทานต่อการฉีกขาดสูง มีการให้ตัว ช่วยลดการเสียดสี ทำให้ขับขี่ได้สบายมากขึ้น เพราะตัวยางนี้จะช่วยลดการสั่นสะเทือนและลดแรงกระแทกที่จะขึ้นมือเราได้
ในส่วนของล้อนั้นได้ล้อแม็ก Enkei ลายใหม่ ลวดลายดูล้ำสมัยกว่าเดิมพร้อมกับเพิ่มขนาดไซส์ยางให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นทั้งการเลี้ยวและการเบรก ขนาดล้อหน้าที่เส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 14 นิ้ว มาพร้อมกับยางหน้ากว้างขึ้นเป็นขนาด 110/70 ส่วนล้อหลังเล็กลงจาก 14 นิ้วเป็น 13 นิ้ว แต่มาพร้อมกับยางหน้ากว้างขึ้นเป็นขนาด 130/70 ดูเต็ม แน่นขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ในส่วนของระบบกันสะเทือน โช้คหน้ายังคงเป็นแบบเทเลสโคปิก จะมีเพียงโช้คหลังที่เพิ่มในส่วนของระยะยืดยุบให้มากขึ้นกว่าเดิม 10 ม.ม. เป็น 95 ม.ม. ทำให้ช่วยในเรื่องของการรับน้ำหนัก และการรับแรงกระแทกได้มากขึ้นกว่าเดิม จึงขับขี่ได้นุ่มนวลมากข้น
สุดท้ายเรื่องระบบเบรกก็ปลอดภัยได้มากขึ้น ด้วยการอัพสเปกเบรก เป็นดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลังครับ โดยคาลิเปอร์เบรกหน้าจะเป็นแบบ 2 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังจะเป็นคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดียว
ทั้งสะดวก ทั้งประหยัด และปลอดภัยยิ่งกว่า
PCX ยังคงมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายไว้เป็นอย่างดีสมเป็นพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นช่องจ่ายไฟแบบ USB-C จ่ายไฟได้เร็วและแรงขึ้นเหมาะกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต
ระบบสมาร์ทคีย์ที่ช่วยให้สตาร์ทรถ เปิดฝาถังน้ำมันและเบาะโดยไม่ต้องใช้กุญแจ และคราวนี้ตัวสมาร์ทคีย์มีดีไซน์ใหม่สวยงาม หรูหรา ดูดีสไตล์รถเก๋ง
เรือนไมล์ใหม่แบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ แสดงผลข้อมูลครบถ้วน แม้กระทั่งการทำงานของระบบ HSTC มีช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 28 ลิตรเป็น 30 ลิตร ตัวรถมีที่วางฝาปิดถังน้ำมันใหม่ ง่ายและสะดวก ทั้งยังลดการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกที่จะลงไปในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย
เริ่มต้นด้วยระบบ Idling Stop เทคโนโลยีประหยัดน้ำมันที่ทางฮอนด้าใส่ไว้ในคันนี้ เพื่อที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดอัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เครื่องยนต์จะหยุดทำงานในรอบเดินเบา ลดการใช้น้ำมันโดยใช่เหตุทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
สรุป รีวิว PCX160 และ PCX160 e:HEV
เครื่องยนต์หัวฉีด เทคโนโลยี eSP+ ที่ถูกขยายไซส์เพิ่มความจุซีซี นำมาเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานใน PCX คันนี้เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ฟีลลิ่งที่ดุดันมากขึ้น แต่ยังคงความสมู้ท ลื่นไหล และความสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน การพัฒนาด้านสมรรถนะถูกพัฒนาตั้งแต่เริ่มดูดอากาศ จุดระเบิด เผาไหม้ คายไอเสีย ทำให้รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
และสำหรับใครที่ชื่นชอบในเรื่องของความแรงขึ้นไปอีกขั้นทางเราเองจากที่ทดสอบมาต้องขอแนะนำรุ่น e:HEV รุ่นนี้บิดติดมือจริง มีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้ และทั้งสองรุ่นยังคงมีพื้นฐานของตัวรถที่ ขี่ง่าย ขี่สนุกประหยัดน้ำมันแน่นอน และนี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับสกู๊ตเตอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันสุดๆ บอกได้เลย แค่ได้ลองก็ต้องจองแน่นอน..!!
สำหรับการจำหน่ายนั้น PCX160 จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่
รุ่น Standard มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทา, สีแดง และสีขาว เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 85,900 บาท
รุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ-น้ำตาล และสีแดง-น้ำตาล เบาะจะเป็นสีทูโทนดำ-น้ำตาล ซึ่งทั้ง 2 สีนี้มีจำหน่ายเฉพาะในไทยเท่านั้น ราคาแนะนำที่ 91,900 บาท
และรุ่น e:HEV สีขาว-น้ำเงิน ราคาแนะนำที่ 107,500 บาท
นอกจากนี้ ยังมีรุ่นแต่งพิเศษจากแบรนด์ H2C By Honda มาพร้อมชุดแต่งที่จะช่วยเสริมรูปลักษณ์ความโดดเด่นและการขับขี่ให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น วางจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 900 คันเท่านั้น ด้วยราคาแนะนำที่ 98,300 บาท
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก