รีวิว Himalayan 2020 ขี่ง่ายแม้ทางจะโหด!!
ทาง SuperBikemag ได้รับเกียรติ จากทาง Royal Enfield ให้ร่วมทริปทดสอบ รีวิว Himalayan 2020 จากกรุงเทพ-ชลบุรี (เขาไผ่) 2020 เมื่อวันที่ 24-25 สิงหาคมที่ผ่านมา
การทดสอบวิ่งทริปในครั้งนี้ เป็นทริปสั้นๆ เพียง 2 วันเท่านั้น แต่สำหรับเส้นทางที่ไป ถือว่าสามารถทดสอบสมรรถนะของตัวรถได้ดีเลยทีเดียว ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากศูนย์ Royal Enfield ทองหล่อ เนื่องจากสภาพจราจรติดขัด มากๆ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว แถมระหว่างทางอย่างสภาพถนนเส้นบางนา-ตราด ก็อย่างที่เห็น มีหลุมบ้างบางจุดเลยถือเป็นโอกาสได้ทดสอบไปในตัวตลอดทั้งทริป ทั้งทางบนถนนดำ และทางฝุ่นหรือ OFF ROAD เป็นระยะทางรวมกว่า 140 กิโลเมตร
มาดูที่สีของตัวรถ ”หิมาลายัน” 2020 กันครับ โดยในปีนี้มีสีใหม่ให้เลือกถึง 3 สีด้วยกันครับ
สี แดง-ดำ(Rock Red)
สี น้ำเงิน-ขาว(Lake Blue)
สี เทา (Gravel Grey)
สวยไหมล่ะครับ ทั้ง 3 สี ?
ท่านั่งและการขับขี่
ก่อนอื่นต้องแนะนำก่อนว่า เจ้าหิมาลายัน (2020) เป็นรถสไตล์แอดเวนเจอร์ทัวริ่ง ที่ถูกออกแบบมาให้ขับขี่บนทุกสภาพถนน มีไฟหน้าขนาด 7 นิ้ว มีชิลด์หน้าแบบใสให้มาด้วย เหมาะสำหรับการเดินทางมาก เพราะชิลด์ที่ให้มาค่อนข้างสูง ทำให้ลมไม่ปะทะตัวเราได้เต็มๆ แฮนด์บาร์ที่ให้มาไม่สั้นและไม่กว้างจนเกินไป ทำให้สามารถคอนโทรลรถได้ดี ความสูงของแฮนด์ก็ไม่ต่ำมากตามสไตล์รถขับขี่ท่องเที่ยว ทำให้ไม่เมื่อยเวลาขับขี่
ความสูงของเบาะ 800 ม.ม. ผมว่ากำลังดีขยับตัวได้ง่าย ระยะจากพื้นถึงตัวรถ 220 ม.ม. สำหรับส่วนสูงของผม 173 ซ.ม. เท้าไม่เขย่งมาก ถ้าใส่กับรองเท้าบูทก็จะสบายๆ ครับ โดยเบาะนั่งจะเป็นแบบ 2 ตอน ช่วงเบาะนั่งของคนขับกระชับมากไม่สูงจนเกินไป ตำแหน่งที่พักเท้านั้น เหมาะสมกับการขับขี่ทุกสภาพการเดินทาง ทั้งท่านั่งขับขี่หรือยืนขับขี่รู้สึกสบาย สามารถตบเกียร์ หรือเบรกได้อย่างมั่นใจ
เรือนไมล์แบบเข็มและดิจิตอล
เรือนไมล์ที่ให้มาวัดความเร็วและวัดความเร็วรอบนั้นจะเป็นแบบเข็ม ส่วนไมล์ดิจิตอลจะแสดงผลแบบจับทริป A และ B สำหรับนักเดินทางที่ชำนาญ การมองเข็มทิศจะต้องปลื้มแน่นอน เพราะทางโรงงานได้ทำการติดตั้งมาให้ด้วยครับ
เครื่องยนต์
ซึ่งเครื่องยนต์ที่ให้มาเป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 411 ซี.ซี. ในส่วนของ แรงม้าที่ให้มานั้น 24.3 แรงม้า 6500 รอบต่อนาที และแรงบิด 32 นิวตันเมตรที่ 4,250 รอบต่อนาที อัตราเร่งค่อนข้างดี ขับขี่สนุก ต้องบอกก่อนเลยว่า 0-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รอบถือว่ามาไวพอสมควร ในระยะทางที่ผมได้ทดลองขับขี่ ประมาณ 140 กิโลเมตร ค่อนข้างขับขี่สนุก
ถ้าจะดันเครื่องยนต์ให้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องเค้นเครื่องกันหน่อยครับ เอาเป็นว่าเหมาะกับการขับขี่ท่องเที่ยว บนถนนดำแบบสนุกๆ มากกว่า ยืนพื้น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะดีกว่าครับ ไม่เค้นตัวเครื่องมากจนเกินไป ขับขี่สบายตัวเครื่องยนต์ไม่มีอาการสั่นให้เห็นเลยครับ
ในส่วนของระบบจ่ายเชื้อเพลิง เป็นระบบหัวฉีดค่อนข้างประหยัด อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ราวๆ 30 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร ยืนพื้นการขับขี่อยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบสตาร์ทเป็นแบบสตาร์ทไฟฟ้า
ช่วงล่าง
ช่วงล่างให้ระบบกันสะเทือนหน้าที่ให้มาเป็นแบบเทเลสโกปิกขนาด 41 ม.ม. ระยะยุบตัว 200 ม.ม. ให้อารมณ์การขับขี่นุ่มหนึบมาก พร้อมทุกสภาพถนนเลยก็ว่าได้ พร้อม ดิสก์เบรกหน้าเดี่ยวขนาด 300 ม.ม. และ คาลิเปอร์เบรกแบบ 2 พ็อต ระบบเบรกแบบ ABS หน้าและหลัง
ส่วนระบบกันสะเทือนหลัง เป็นแบบ โช้คเดี่ยวและกระเดื่อง ระยะยุบ 180 ม.ม. ต้องบอกว่าทางบนถนนดำก็ให้ฟีล นุ่มหนึบ พอสมควร สำหรับสายแบกสัมภาระเยอะๆ ต้องปรับเปลี่ยนกันอีกทีครับ รวมถึงเส้นทาง OFF ROAD โหดๆ ก็ต้องปรับอีกเช่นกัน
ในส่วนของตัวเบรกที่ให้มานั้น ส่วนของบนถนนดำ ต้องบอกเลยว่าทำงานได้ดีตอบโจทย์สำหรับสายท่องเที่ยว ระบบ ABS ที่ให้มาทำงานได้รวดเร็วมาก แต่มุมกับกันบนถนน OFF ROAD ระบบ ABS ไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ แถมยังให้ยางกันฝุ่นมาอีกด้วยทั้งสวยและยังกันหินและฝุ่นได้ดีเลยครับ
ส่วนดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 240 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบ 1 พ็อต จาก BYBRE ส่วนของเบรกหลังผมถือว่าถือมากๆ ครับตอบสนองการขับขี่ได้ดีเหมือนกัน
ยางหลังจากแบรนด์ Pirelli MT 60 วิ่งได้ทั้งทางถนนดำและทาง ฝุ่น 60% ON ROAD / 40% OFF ROAD เช่นเดียวกับยางด้านหน้า ขนาด 120/90-17นิ้ว″ แบบใช้ยางใน
ล้อและยาง
วงล้อด้านหน้าแบบซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว ส่วนด้านหลังเป็นแบบซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว ขนาด 90/90-21นิ้ว และ 120/90-17นิ้ว″ แบบมียางใน โดยใช้ยาง Pirelli MT 60 วิ่งได้ทั้งทางถนนดำและทางฝุ่น โดยจะค่อนข้างหนักไปในส่วนของทางฝุ่นมากกว่า
ในส่วนของยางนั้นด้วยที่ว่าเป็นวงล้อแบบซี่ลวดแบบทั่วๆ ไปจึงต้องใช้ยางในเป็นเรื่องปกติ การขับขี่ทางโหดอาจจะต้องพกยางในไว้เผื่อด้วยก็ดีครับ ส่วนฟีลการขับขี่นั้นในส่วนของยาง Pirelli MT 60 ที่ให้ติดรถ เจ้าหิมาลายันมา ทำได้ดีทั้งบนถนนดำและทาง OFF ROAD ครับ บนถนนดำสามารถพลิกตัวได้ไวจิกถนนได้ดีครับ ส่วนทาง OFF ROAD ก็ทำได้ดีมากๆ ครับ
การ์ดอกล่าง
ที่ให้มานั้น ถือว่าดีมากๆ ไม่ต้องซื้อออฟชั่นเสริมเอง แถมการใช้งานนนั้นก็ยังสามารถกันหินดีดเข้าเครื่องและยังสามารถกันหินก้อนใหญ่ๆกระแทกเข้าเครื่องยนต์โดดยตรงอีกด้วยครับ
บังโคลนหน้าสองชิ้น
ในส่วนของ บังโคลนหน้าที่ให้มานั้น ผมเชื่อว่าเห็นครั้งแรกหลายๆคนอาจจะงง นิดหน่อย ว่าให้มาทำไมถึงสองชิ้น ผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆนะครับ ในส่วนของบังโคลนหน้าที่อยู่ด้านล่างนั้นก็เป็นบังโคลนที่เอาไว้กันน้ำ ที่ขับขี่บนถนนดำปกติทั่วไป แต่บังโคลนชิ้นบนนั้น ที่ให้มาเพื่อเอาไว้ใช้งานบนเส้นทางสายฝุ่นหรือ Enduro นั่นเองครับ เอาไว้กันหินกระเด็นใส่ผู้ขับขี่และ ยังสามารถเอาไว้ลุยกับดินเหนียวๆได้ดีเลยโดยเราสามารถถอดบังโคลนด้านล่างออกให้เหลือ แต่บังโคลนด้านบนได้เลยครับ เพราะบนเส้นทางสายนี้ถ้าบังโคลนต่ำไม่สามารถขับขี่ได้เพราะล้ออาจจะติดดินเหนียว จนล้อไม่สามารถหมุนได้นั่นเองครับ
ชิลล์ๆ ได้ทั้งทางดำและทางออฟโร้ด
เจ้าหิมาลายันสามารถขับขี่ในตัวเมือง รถติดๆ สามารถซอกแซกได้ ด้วยที่ตัวรถค่อนข้างสูงเพรียว ทำให้แฮนด์และกระจะจกมองด้านข้างไม่ติดรถอื่นๆ ครับ ส่วนเบาะนั้นถือว่าตอบโจทย์สำหรับนักเดินทางเลยก็ว่าได้ครับ ขับขี่เดินทางระยะไกลไม่รู้สึกว่าปวดก้นเลย การจัดท่านั่งขับขี่ก็สบายครับ
ฟีลช่วงล่างนั้นถือว่าดีครับ ทั้งบนถนนดำและทางฝุ่น ด้วยช่วงล่างที่ให้มากับยาง Pirelli MT 60 ที่ติดตั้งให้มาจากโรงงานถือว่าโอเค ตอบโจทย์การใช้งานครับ
แต่ถ้าเจอทรายนุ่มๆ อาจจะต้องมีการใช้ขาพายช่วยบ้าง ตามประสบการณ์และสกิลของผู้ขับขี่ครับ ในส่วนเรื่อง ระบบ เบรกที่ให้มาบนถนนดำ บอกเลยว่ามั่นใจมากครับ ABS ทำงานไวเกินคาด ทำให้รู้สึกมั่นใจตลอดการขับขี่ครับ แต่ในส่วนของการขับขี่ในเส้นทางออฟโร้ดหน่อยนะครับ ABS ที่ให้มาไม่สามารถปิดได้ ทำให้ควบคุมรถได้ยากในบางสถานการณ์
เรื่องของเครื่องยนต์นั้นสำหรับสายชิลล์ถือว่าทำอัตราเร่งได้ไม่น่าเกลียดครับ ยืนพื้น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สบายๆ
แต่ข้อดีของเจ้านี่เมื่อเข้าสู่เส้นทางออฟโร้ด ผมถือว่าช่วงต้นทำได้ดี เพราะเราสามารถเปิดคันเร่งได้เนียน และเปิดเรื่อยๆ เพื่อแก้อาการรถ สไลด์จากพื้นทรายนุ่มๆ หรือหินตามทางได้ดีมากๆ ครับ และเส้นทางออฟโร้ดไม่ได้เน้นความเร็วเป็นหลักอยู่แล้ว
ส่วนการยืนขับขี่หรือนั่งขับขี่ ก็ทำได้ดีครับ เพราะตัวรถ สูงพอประมาณ และถังน้ำมันค่อนข้างหนีบได้ง่ายและกระชับ ไม่อ้วน ตัวรถมีน้ำหนักเบาพอสมควร ถือว่าตอบโจทย์มากๆ ในส่วนนี้ แต่สำหรับ สายแบกก็ต้องมาคำนวนช่วงล่าง อีกทีครับว่าต้องเซ็ตตรงไหนบ้าง ข้อนี้ขึ้นอยู่ของการใช้งานของแต่ละท่านแล้วหละครับ
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ รถที่งบประมาณไม่สูงกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ผมว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ สำหรับเจ้า Royal Enfield หิมาลายัน 2020 เป็นรถสไตล์แอดเวนเจอร์ทัวริ่งที่ราคาไม่แพง แถมใช้งานได้หลากหลาย ด้วยครับ
Royal Enfield Himalayan (2020) สเปกและราคา
Royal Enfield Himalayan (2020) แอดเวนเจอร์ทัวริ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คุณสามารถผจญภัยไปได้กับทุกถนน ทุกเส้นทาง หรือแม้แต่นอกเส้นทาง | |
ราคา 169,800 บาท |
เครื่องยนต์ | LS410 สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ Euro4 |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 411 ซีซี |
แรงม้า (เคลม) | 24.5 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที |
แรงบิด (เคลม) | 32 นิวตันเมตรที่ 4,250 รอบต่อนาที |
ระบบวาล์ว | SOHC 4 วาล์วต่อสูบ |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 78.0 X 86.0 ม.ม. |
อัตราส่วนการอัด | 9.5:1 |
ระบบเกียร์ | 5 สปีด |
ระบบจุดระเบิด | อิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัตช์ | คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน |
ยางหน้า | 90/90-21″ แบบใช้ยางใน |
ยางหลัง | 120/90-17″ แบบใช้ยางใน |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คเทเลสโคปิกขนาด 41 ม.ม. ระยะยุบ 200 ม.ม. |
ระบบกันสะเทือนหลัง | โช้คเดี่ยวและกระเดื่อง ระยะยุบ 180 ม.ม. |
เบรกหน้า | ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบ 2 พ็อต และระบบเบรก ABS |
เบรกหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบ 1 พ็อต และระบบเบรก ABS |
ยาว X กว้าง X สูง | 2,190 X 840 X 1,360 ม.ม. |
ระยะฐานล้อ | 1,465 ม.ม. |
ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ | 220 ม.ม. |
ความสูงเบาะ | 800 ม.ม. |
น้ำหนักรถ | 199 กก. |
ความจุถังน้ำมัน | 15 ลิตร |
ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ | NA |
ขอขอบคุณ ทีมงาน Royal Enfield ที่ให้เกียรติ ทางทีมงาน SuperBikeMag รีวิว Himalayan 2020 ในครั้งนี้ด้วยนะครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก