รีวิว Grand Filano Hybrid โมเดลดีไซน์หรู ประหยัด ราคาคุ้ม

Joe Superbike

รีวิว Grand Filano Hybrid 2022 – 2023 ดีไซน์หรู ประหยัด ราคาคุ้ม

รีวิว Grand Filano Hybrid Connected
แกรนด์ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด โมเดลใหม่ โฉมปีล่าสุด

พบกับบทความรีวิวกันอีกเช่นเคย วันนี้ทาง SuperBike Thailand ก็ได้มีโอกาสมา รีวิว Grand Filano Hybrid Connected โมเดลโฉมใหม่ล่าสุดนั่นเอง ที่มากับคาแรคเตอร์แห่งความโมเดิร์นคลาสสิก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชีวิตมีคลาส สมาร์ทสไตล์พรีเมียม” ที่สะท้อนความเป็นรถพรีเมียม และย้อนยุคในเวลาเดียวกัน

ดีไซน์สวย สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก หรูหรา พรีเมียม

ดีไซน์หรู สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก

สำหรับเจ้าแกรนด์ฟีลาโน่คันนี้ มีรูปลักษณ์การดีไซน์ที่บอกได้เลยว่า พรีเมียม ตั้งแต่แฟริ่งและส่วนเว้าโค้งที่ให้ความหรูหรา ผสมผสานกับความทันสมัย โดยตัวรถมาพร้อมระบบส่องสว่างแบบ LED รอบคัน

พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ในส่วนด้านหน้า ออกแบบมาในแนวตั้งขนานกับตัวรถ กับโลโก้สวย ๆ แกรนด์ฟีลาโน่ ส่วนไฟเลี้ยวของแฟริ่งด้านหน้า จะบิ้วอินท์เข้าไปในตัวรถ ให้ความลักซ์ชัวรีสุด ๆ

มุมด้านหน้า มุมด้านหลัง

ผสมกับเพลทโลโก้ Grand Filano ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งเรือนไมล์ดิจิทัล LCD ด้านบน และหน้าจอสี TFT ข้างล่าง แสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ทั้ง มาตรวัดความเร็ว เวลา เลขไมล์ ไฟเตือนสถานะตัวรถ ความจุน้ำมัน รวมไปถึงฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ระบบ Y-Connect ดูอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งอ่านค่าได้ง่ายอีกด้วย ถือว่าครบเครื่องเลยทีเดียว

ตราสัญลักษณ์ยามาฮ่า พร้อมเพลทโลโก้ Grand Filano ไฟหน้า LED ออกแบบสวยงาม
ไฟเลี้ยวแบบบิวอิ้นท์ เรียบ สะอาดตา เรือนไมล์ LCD พร้อมหน้าจอสี TFT แสดงผลฟังก์ชันครบครัน
ปุ่มคอนโทรลประกับฝั่งซ้าย ปุ่มคอนโทรลประกับฝั่งขวา

ต่อจากเรือนไมล์กันไปแล้ว มาต่อกันที่ประกับคอนโทรลตัวรถ ซึ่งมีปุ่มต่าง ๆ เช่น สวิตช์ไฟสูง-ต่ำ ปุ่มบังคับไฟเลี้ยว ปุ่มแตรสัญญาณ ฝั่งประกับซ้าย ส่วนประกับขวา จะมีปุ่มสตาร์ท พร้อมทั้งไฮไลท์ที่เพิ่มมาใหม่ในรุ่นนี้เลยก็คือ ปุ่มการทำงานของฟังก์ชันระบบสตาร์ทแอนด์สต๊อป นั่นเอง

ถังน้ำมันด้านหน้า สะดวกต่อการเติม สวิทซ์สตาร์ทรถ พร้อมช่องชาร์จไฟ USB
ที่แขวนของอเนกประสงค์ ช่องเก็บของกรุบกริบ

มาต่อกันที่คอนโทรลกลางฝั่งด้านหน้าผู้ขับขี่ จะเจอกับ สวิตช์กุญแจคีย์เลทฝั่งขวา พร้อมช่องชาร์จไฟ USB 2 ช่องที่แถมมาให้ พร้อมทั้งช่องเก็บของอเนกประสงค์ สามารถเก็บของได้ประมาณพอเหมาะ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นฝาถังน้ำมัน ซึ่งปกติรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่จะมีถังน้ำมันอยู่ใต้เบาะ แต่ แกรนด์ฟีลาโน่ รุ่นนี้ ติดถังน้ำมันด้านหน้าเลย ซึ่งสะดวกต่อการเติมน้ำมันอีกด้วย

รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล Y-Connect สะดวกต่อการใช้งาน

ทีเด็ดเลย ตรงช่วงคอรถ จะพบป้ายสัญลักษณ์ Y-Connect ซึ่งบ่งบอกได้เลยว่า โมเดลรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถ ผ่านแอพพลิชัน Y-Connect สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น แจ้งเตือนสายเรียกเข้า อีเมล์แจ้งเตือน แจ้งเตือนระยะการบำรุงรักษา การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ตำแหน่งที่จอด วัดความเร็วรอบ แจ้งเตือนการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน และตำแหน่ง GPS 

เบาะตอนเดียวดีไซน์ 2 ระดับ ปราดเปรียว ช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 27 ลิตร พร้อมไฟ LED ส่องสว่าง สามารถเก็บหมวกกันน็อกได้เต็มใบ

มาดูที่เบาะนั่งคนขับขี่ตอนเดียวดีไซน์ 2 ระดับ พร้อมมือจับคนซ้อน ดีไซน์สวยงาม ที่ช่วยให้นั่งสบายและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับเก็บของใต้เบาะขนาด 27 ลิตร พร้อมไฟ LED ส่องสว่าง

ซึ่งสามารถเก็บหมวกกันน็อกไว้ได้ทั้งใบอีกด้วย โดยรวมแล้วโมเดลรุ่นนี้ มีการดีไซน์ที่เรียบ หรูหรา และสะอาดตามากขึ้นถ้าเทียบกับเจ็นก่อน ๆ 

เครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด ช่วยการออกตัวที่ดีขึ้น

สัญลักษณ์เครื่องยนต์ Blue Core Hybrid

ในส่วนของเครื่องยนต์บอกเลยว่าประหยัดแน่นอน กับขุมพลัง Blue Core Hybrid สูบเดียวขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งให้กำลังแรงม้า 8.3 แรงม้าที่ 6,500 รอบ และให้แรงบิด 10.4 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ พร้อมระบบหัวฉีดอัจฉริยะให้อัตราเร่งดีแต่นุ่มนวล ส่วนระบบส่งกำลังขับจะเป็นสายพานตัววี

พร้อมระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบไฮบริด ที่ใช้สมาร์ทมอเตอร์เจเนอเรเตอร์ ในการช่วยออกตัว ให้ออกตัวได้รวดเร็ว นุ่มนวล และระบบสต็อปแอนด์สตาร์ทที่จะช่วยดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดภาวะมลพิษทางอากาศไปในตัว พร้อมกันนี้ตัวรถจะให้ถังน้ำมันขนาด 4.4 ลิตร อีกด้วยครับ

ช่วงล่างนุ่ม กับล้อ 12 นิ้ว

โช้คหน้าเทเลสโคปิก ล้อ 12 นิ้ว ยาง 110/70 แบบไม่ใช้ยางใน
ดิสก์เบรกเดี่ยวและระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น)
โช้คเดี่ยวสตรัทสปริง ล้อ 12 นิ้ว ยาง 110/70 แบบไม่ใช้ยางใน พร้อมกับดรัมเบรก

มาพูดถึงระบบช่วงล่างกันบ้าง กับระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คเทเลสโคปิก ขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหน้า พร้อมระบบเบรก ABS และดรัมเบรกในส่วนด้านหลังนั่นเอง พร้อมล้อขนาด 12 นิ้ว ทั้งหน้า-หลัง ยางหน้าและหลังขนาดเท่ากันคือ 110/70 แบบไม่ใช้ยางใน

ฟีเจอร์แน่น ตอบโจทย์การใช้งานสุด ๆ

กุญแจรีโมทอัจฉริยะ หรือสมาร์ทคีย์ (เฉพาะรุ่น ABS)

ส่วนฟีเจอร์เทคโนโลยี ที่ให้มากับรถประกอบไปด้วย ระบบส่องสว่าง Full LED หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัล LCD พร้อมทั้งจอสี TFT ที่ให้มาด้วย ระบบสต็อปแอนด์สตาร์ท หรือกุญแจรีโมทอัจฉริยะหรือสมาร์ทคีย์ ที่ใช้งานร่วมกับสวิตช์เปิดปิดนั่นเองครับ

พร้อมช่องชาร์จไฟ USB และทีเด็ดเลยก็คือระบบ Y-Connect ที่ช่วยเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง 

ฟีลลิ่งการขับขี่ 

จุดสตาร์ทหล่อ ๆ ที่ Noxx Cafe พระราม 9

มาพูดถึงฟีลลิ่งกันบ้าง โดยตัวผมเองก็ได้มีโอกาสใช้งานแบบเต็มวัน ตั้งแต่ที่นี่เลย Noxx Cafe พระราม 9 วิ่งผ่านเส้นพัฒนาการ อ่อนนุช ศรีนครินทร์ ทั้งทางตรง ทางเลี้ยว ขึ้น-ลง สะพาน วิ่งผ่านทางลูกรัง เรียกว่าทดสอบการใช้งานแบบเต็มที่เลย สำหรับทั้งท่านั่งการขับขี่ เครื่องยนต์ ระบบเบรก และช่วงล่างจะเป็นยังไง เดี๋ยวลองมาฟังกันดีกว่า

ขี่สนุก นั่งสบาย

สิ่งแรกเลยท่านั่งขับขี่ที่ตอบโจทย์เลย ด้วยการดีไซน์ที่เป็นรถสกู๊ตเตอร์แบบพรีเมียมแล้ว การขึ้น ลงรถสะดวกมาก ๆ  โดยส่วนตัวผมจะสูงอยู่ที่ 175 ซม. การวางเท้ารู้สึกได้เลยว่าสบาย ไม่งอเข่ามากไป ผมมองว่าคนที่สูงซัก 160 ก็สามารถใช้งานได้สบาย ๆ บวกกับระยะแฮนด์ไม่กว้างมาก ขับขี่ซอกแซกในเมืองหรือวิ่งในรถช่วงติด ๆ นี่ถือว่าคล่องตัวเลย สามารถกะระยะคอนโทรลได้ง่ายอีกด้วย

มาดูที่มุมมองการขับขี่ สำหรับตัวรถเนี่ย แทบไม่บังสายตาเลยในเวลาขับขี่ บอกเลยว่า มองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน ไม่รำคาญสายตา ส่วนตัวเบาะชิ้นเดียวตอนยาว ออกแบบมาขนาดพอดีกับตัวรถ พอเวลานั่งแล้วรู้สึกกระชับ แล้วก็เหลือพื้นที่เหลือ ๆ สำหรับคนซ้อนอีกด้วย ซึ่งมองว่าตอบโจทย์การใช้งานที่คุ้มค่าเลยทีเดียว 

ขับขี่ในเมืองสบาย ๆ ด้วยเครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด

มาพูดถึงฟีลลิ่งเครื่องยนต์กันบ้าง กับเครื่องยนต์ Blue Core Hybrid 1 สูบ 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ บวกกับระบบไฮบริดที่ช่วยในการออกตัวรถ ให้กำลังแรงบิดที่มากขึ้น จากที่บิดออกตัวตั้งแต่ 0-70 นี่คือตอบโจทย์ออกตัวเร็ว หรือแม้กระทั่งออกตัวการเร่งแซง ขับขี่ซอกแซกในเมือง สามารถทำได้ได้ดีเลยทีเดียว บอกเลยว่าบิดติดมือ เครื่องยนต์ตอบสนองคันเร่งได้ดี ตอบโจทย์สุด ๆ 

การันตีประหยัดน้ำมัน 56.6 กม./ลิตร (ใช้ความเร็วที่ 80 – 100 กม./ชม.)

และแน่นอนรุ่นนี้ ประหยัดน้ำมันสุด ๆ ผมการันตีได้เลย จากตัวเลขบนหน้าจอแสดงผลอัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 56.6 กิโลเมตรต่อลิตร กับความเร็วที่ใช้ไปที่ 80 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งรวมระยะทางทดสอบกว่า 100 กิโลเมตร เรียกได้ว่าบิดเต็มเหนี่ยวใส่เต็มที่ ใช้น้ำมันเพียงครึ่งถังเอง 

หรือถ้าลองคำนวณดูแล้ว รถจะสามารถวิ่งได้เกือบ ๆ 250 กิโลเมตรสำหรับน้ำมันเต็มถัง (4.4 ลิตร) โดยเสียค่าน้ำมันเพียง 142 บาทเท่านั้น (แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 35.65 บาท ข้อมูลน้ำมันวันที่ 8/5/2566) โดยรวมมองว่าคุ้มค่ามาก ๆ ประหยัดสุด ๆ

ส่วนระบบช่วงล่าง อันนี้ชอบเลย ผมได้ลองขับขี่ผ่านลูกระนาด ผ่านทางขรุขระมาแล้ว รู้สึกได้ว่านุ่มนวลมาก ๆ ส่วนระบบเบรกให้มาดีเลย เวลาเบรกนี่ หนึบ อยู่มือ คอนโทรลได้ง่ายอีกด้วยครับ

คอนโทรลง่าย บวกกับระยะแฮนด์ไม่กว้างจนเกินไป

ส่วนระบบเทคโนโลยีของรถคันนี้ เริ่มจากเทคโนโลยีความปลอดภัย ทั้งระบบเบรก ABS และระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติหรือ สต็อปแอนด์สตาร์ท ซึ่งผมได้ลองแล้วก็ถือว่าโอเคเลยนะ เวลาจอดรถช่วงไฟแดง ระบบจะตัดการทำงานให้อัตโนมัติเลย และเมื่อเปิดคันเร่งระบบจะรันให้พร้อมทำงานทันที ผมมองว่าดีเลยทีเดียว แถมช่วยประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นครับ 

ส่วนเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการขับขี่ในรุ่นนี้ ก็จะมี เรือนไมล์ LCD พร้อมจอสี TFT แสดงผลฟังก์ชันครบครัน ช่องชาร์จไฟอเนกประสงค์ เรียกได้ว่าสะดวกสบาย แล้วก็ระบบสมาร์ทคีย์ ที่ให้มาในรุ่นนี้อีกด้วย แค่บิดสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ได้เลยครับ 

โดยรุ่นนี้มีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ รุ่น Standard (เบาะสีดำ) มี 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีฟ้า Classy Blue สีเทา Luxury Gray สีแดง Richy Red และ สีน้ำเงิน Highest Blue ในราคาแนะนำที่ 64,700 บาท

และรุ่น ABS มาพร้อมสมาร์ทคีย์ (เบาะสีน้ำตาล) มี 3 สีด้วยกันได้แก่ สีทอง Champagne Gold สีเขียว Royal Green และ สีดำ Million Black ในราคาแนะนำที่ 69,200 บาทนั่นเองครับ พร้อมรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร 

ซึ่งบอกเลยว่า คุ้มค่าสุด ๆ รถพิกัดนี้ ในราคานี้ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งเหมาะกับวัยรุ่น นักศึกษา คนวัยทำงาน รวมไปถึงแม่บ้าน ยามนี่ใช้ได้หมด หรือแม้กระทั่งสายบิ๊กไบค์ที่สนใจจะมีคันที่ 2 ไว้ขับขี่ ก็แนะนำเลยคันนี้ บอกได้เลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ

ทั้งหน้าจอสี TFT ระบบส่องสว่าง LED รอบคัน เดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ เครื่องยนต์บลูคอร์ ไฮบริด กุญแจสมาร์ทคีย์ ช่องเสียบ USB ระบบเบรก ABS แบบว่าให้มาเพียบเลย

ทั้งนี้ ก็ต้องขอขอบคุณทางร้าน Noxx Cafe ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายรูป ในสไตล์เท่ ๆ หากใครสนใจเมนูอาหารและกาแฟ รวมไปถึงเค้กอร่อย ๆ มีให้ทานได้หลากหลายเมนู สำหรับข้อมูลร้าน คลิ๊กที่นี่

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากติดตาม SuperBike Thailand ได้ทั้งช่องทาง เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ยูทูบ และ Tiktok ของทาง SuperBike Thailand ได้ตามนี้เลยนะครับ และครั้งหน้า ทางเราจะรีวิวรถรุ่นไหนจากทางยามาฮ่า ก็อย่าลืม ติดตามกันด้วยนะครับ 

สเปค Grand Filano Hybrid Connected 2022 ข้อมูล และรายละเอียดอื่น ๆ

เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ปริมาตรกระบอกสูบ 125 ซีซี
แรงม้า (เคลม) 8.3 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที
แรงบิด (เคลม) 10.4 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ
ระบบวาล์ว SOHC 2 วาล์ว
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 52.4 x 57.9
อัตราส่วนการอัด 11.0 : 1
ระบบเกียร์ ออโตเมติก
ระบบจุดระเบิด T.C.I.
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเล็กทรอนิกส์
ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า
ระบบคลัตช์ คลัตช์แห้งแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์
ระบบส่งกำลังสุดท้าย สายพาน CVT
ยางหน้า 110/70-12 47L แบบไม่ใช้ยางใน
ยางหลัง 110/70-12 47L แบบไม่ใช้ยางใน
ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิก
ระบบกันสะเทือนหลัง ยูนิตสวิง โช้คเดี่ยว
เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกเดี่ยวและระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS)
เบรกหลัง ดรัมเบรก
กว้าง X ยาว X สูง 1,820 X 685 X 1,150 ม.ม.
ระยะฐานล้อ 128 ม.ม.
ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 125 ม.ม.
ความสูงเบาะ 790 ม.ม.
น้ำหนักรถ 102 ก.ก. (รุ่น STD 101 ก.ก.)
ความจุถังน้ำมัน 4.4 ลิตร
ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ เบนซิน โซฮอล์ 91, 95 และ E20
เทคโนโลยี
  • ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless)
  • ระบบส่องสว่าง Full LED
  • หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัล พร้อมจอสี TFT
  • ระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น) 
  • ระบบสตาร์ทแอนด์สต็อป
  • ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Y-Connect
  • เทคโนโลยีไฮบริด

อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

New Grom 2023 สเปค ราคา สปอร์ตมินิไบค์นรุ่นล่าสุด

New Grom 2023 สเปค ราคา สปอร์ตมินิไบค์นรุ่นล่าสุด […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version