รีวิว CB1000R Black Edition 2022 สปอร์ตคาเฟ่มาดเข้มตัวแรง..!!
ทดสอบครั้งนี้เราจะไป รีวิว CB1000R Black Edition 2022 แบบคูล ๆ พาเที่ยวไปด้วย ทดสอบไปในตัวด้วยเลย ทริปเบา ๆ กรุงเทพ – ระยอง บ้านเพ เน้นไปกินลมชมวิว ไม่รีบร้อน อีกทั้งรอบนี้ยังพิเศษใส่ไข่ มีพี่ชายร่วมวงการ พี่เก่งจาก MotoMotion ร่วมทริปไปด้วยอีกคันกับ NC750X ตัวใหม่ล่าสุดปีนี้ ร่วมทริปเที่ยว กิน นอน กัน 2 วัน 1 คืน ชิลล์ ๆ ตามสไตล์
หล่อมาดเข้ม
และนี่คือนีโอสปอร์ตคาเฟ่รุ่นใหญ่สุดของทางค่าย หรือถ้าเรามองสไตล์ของตัวรถ คันนี้คือ เน็กเก็ดไบค์หัวใจสปอร์ต ที่มีการดีไซน์มาสวยงามลงตัว ไฟส่องสว่างแบบ LED ทั้งคัน ไฟหน้าออกแบบมาล้ำสมัย พร้อมเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ สวยเท่ เด่นทั้งกลางวันกลางคืน เอาจริง ๆ ขับกลางคืนไฟหน้าสว่างมาก
สำหรับไฮไลท์ของโมเดลนี้คือการปรับใหม่ให้มีหน้าจอสี TFT แบบใหม่แสดงผลครบทุกฟังก์ชัน ยิ่งมาอยู่ในรถเน็กเก็ตไบค์ยิ่งเด่นเข้าไปอีก และการทำสีดำในหลาย ๆ ชิ้นส่วน โช้คอัพ ท่อ เฟรม พักเท้าและยังมีอีกหลายชิ้นที่ทำให้ดู ดำ ดุดัน มากขึ้น รวมไปถึงครอบท้ายคนซ้อนที่ให้แบบ ตูดมด ครอบมาจากโรงงานเลยทำให้ตัวรถมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ตัวรถยังมีรูปร่างที่เพรียวลงกว่าโฉมก่อนหน้านี้ กาบข้างหม้อน้ำไม่ใหญ่ ดูเข้ารูปกับตัวรถ โดยส่วนที่ผมคิดว่าหล่อที่สุดเท่าที่เห็นได้ คือลวดลายล้อแม็กซ์ที่มีดีไซน์ซี่แม็กซ์ถี่ ๆ สวยงานลงตัว และหลาย ๆ ชิ้นส่วนของอิดิชั่นนี้มีการกลึงให้เนื้องานดิบ ๆ เป็นลาย ให้มีลูกเล่นที่สวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วยเอาเป็นว่าคันนี้ ขี่ไปที่ไหน เป็นจุดเด่นสง่าเข้าตาคนรอบข้างเลยละ
4 เม็ด รอบจัด สะใจ
โมเดลนี้จะมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 998 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ มีระบบเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทางที่สามารถปรับการตอบสนองการเข้าเกียร์ได้ถึง 3 ระดับ Hard, Medium และ Soft
สำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้มีการปรับจูนหัวฉีด PGM-FI ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทางโรงงานเคลมแรงม้ามาที่ 145 แรงม้าที่ 10,500 รอบและแรงบิด 104 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบ จากการได้ลองขับขี่มาระยะนึง ผมรู้สึกว่ามันให้กำลังในรอบต้นกลางได้ดีเลยทีเดียว ส่วนรอบปลายก็ไม่ธรรมดา ทางเราเองได้มีโอกาสบิดได้ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่าไม่ธรรมดาและคิดว่ายังไปต่อได้อีกสำหรับรถเน็กเก็ตไบค์คันนี้
ส่วนความเร็วเดินทางคันนี้ไม่ได้เร็วแรงทะลุนรกขนาดนั้น เหมาะกับการใช้งาน ในเมืองหรือเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าไปซิ่งจัด ๆ ตัวรถเร่งแซงเกียร์สูง ๆ รอบเครื่องต่ำ ๆ ก็ยังมีกำลังส่งได้ดีเยี่ยม เพราะเครื่องยนต์ตัวนี้มีการปรับจูนหัวฉีดมาใหม่ การคำนวนสั่งจ่ายน้ำมัน จุดระเบิดทำได้เสถียรมากขึ้นรวมไปถึงตัวใหม่ 2022 ที่ให้เป็นคันเร่งไฟฟ้ามาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกปรับใช้ขณะขับขี่ได้อย่างสบาย ๆ ตามสภาพแวดล้อมได้เลย
โหมดเยอะขี่สนุก
เนื่องจากตัวรถใช้เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า ก็เลยจะมีโหมดการขับขี่มาให้ โดยมีมาให้ถึง 4 โหมด ซึ่งแต่ละโหมดก็ทำงานแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- โหมด Sport คันเร่งตอบสนองไว บิดพุ่ง มาเต็ม อารมณ์เหมือนรถสปอร์ต คันเร่งมาเต็ม เร่งแซงได้ฉับไว ถ้ายิ่งได้ในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง ๆ เกียร์ตึง ๆ หน่อยอาจจะมีตกใจกันบ้างเล็กน้อย เพราะดึงหงายกันเลยทีเดียว
- โหมด Standard ใช้งานในเมืองทั่วไป สบาย ๆ ชิลล์ ๆ ขี่ทั่วไป คันเร่งเบา ไม่กระฉากนุ่มนวล สำหรับมือใหม่ ถือว่าตอบโจทย์
- โหมด Rain แทร็กชั่นคอนโทรลจะทำงาน ละเอียด คันเร่งเนียน ๆ แน่นอน ตามชื่อโหมดเลย และก็ได้ลองมาแล้วว่าละเอียดเนียนจริง การตอบสนองการบิดคันเร่งจะหน่วงลงเล็กน้อยเพื่อที่จะดีเลย์การทำงานของเครื่องยนต์ ร่วมไปถึงการทำงานของ HSTC ที่ละเอียดมากขึ้น สังเกตในจอจะขึ้น ระดับ 3 พร้อม เอ็นจิ้นเบรก ระดับ 3 เป็นการรักษาเสถียรภาพของตัวรถให้มากที่สุดปลอดภัยที่สุดต้องโหมดนี้เลย อุ่นใจเมื่อฝนตก ถนนลื่น
- และโหมด User ปรับตั้งค่าได้ ดั่งใจชอบ ทั้งกำลังเครื่อง (P) แทร็คชันคอนโทรล (T) และเอ็นจิ้นเบรก (EB) ปรับได้ดั่งใจอยากได้แบบไหน ก็สามารถตั้งค่าได้ ร่วมไปถึงควิกชิฟเตอร์ก็ปรับให้ตอบสนองไวสุด บอกเลยว่าคล้ายรถสปอร์ตเลยละ
นุ่มนวล ขี่ง่าย
พูดถึงช่วงล่างกันบ้างครับ สำหรับโมเดลนี้ระบบกันสะเทือนที่ให้มาจะเป็นโช้คอัพหน้าหลังจาก Showa ให้ฟีลลิ่ง นุ่มนวล ขี่สบาย ทั้งในย่านความเร็วต่ำ ๆ ไปจนถึงความเร็วสูง ๆ แต่ถ้าใครต้องการความเฟิร์มในการเข้าโค้งที่มากขึ้นก็สามารถปรับค่าโช้คอัพได้ ซึ่งตรงนี้ออกแบบมาให้พร้อมปรับอยู่แล้ว โดยค่าเดิมก็ดีระดับนึง แต่อยากแน่นกว่านี้อีกก็ปรับตั้งค่าได้สบาย ๆ
ขณะที่ระบบเบรก ที่ให้มาเป็นคาลิเปอร์เบรก Tokico แบบเรเดียลเมาท์ เข้าคู่กับดิสก์เบรกคู่แบบโฟลตติ้งหรือแบบลอยตัวที่ให้ตัวได้ พร้อมมาสเตอร์ปั๊มสุดเท่และกระปุกน้ำมันแบบใส หล่อเหลาเอาการ ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวและคาลิเปอร์เบรก Nissin ซึ่งบอกก่อนเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ความเท่
จากการทดสอบขับขี่ระบบเบรกชุดนี้ให้ฟีลลิ่งการเบรกที่นุ่มนวล ไม่แข็ง ก้านเบรกปรับระยะได้ ให้การเบรกที่มั่นใจได้ระยะเบรกที่ดี ปลอดภัย มีช่วงที่เบรกหนัก ๆ จาก 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลงเหลือ 40 กว่า ๆ ถือว่าอุ่นใจ ไว้ใจได้ เอาจริง ๆ คิดว่าเพียงพอเลยละสำหรับรถตระกูลพันซีซี เอาอยู่
ฟีลลิ่งสปอร์ตหล่อเข้ม
หลังจากได้ออกทริปไปกลับกรุงเทพ-ระยองระยะทาง 350 กิโลเมตร ก็สัมผัสได้ว่าคันนี้มีฟีลลิ่งท่านั่งสปอร์ตแทรกอยู่บ้าง ในส่วนของการวางตำแหน่งเท้าที่เยื้องไปด้านหลังนิดหน่อย ทำให้เวลาจับแฮนด์ต้องโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ซึ่งไม่มากนัก ตำแหน่งคนนั่งก็ไม่ได้ก้มมากไปจนเสียความเป็นเน็กเก็ดไบค์ ยังคงความสบายต่อการบังคับเลี้ยว ให้ความกระชับคอนโทรลตัวรถได้ดี การบังคับรถในช่วงเวลารถติดก็ทำได้ง่าย
อย่างไรก็ดีจะมีเพียงช่วงที่เราต้องสู้กับลมปะทะแรง ๆ ช่วงความเร็วสูง ๆ เท่านั้นละ ที่จะต้องสร้างความคุ้นเคยกับมันอยู่พักใหญ่ ทว่าเอาเข้าจริงขี่ที่ความเร็วสัก 120 – 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะกำลังดี ทำให้ขี่รถได้นานขึ้น ขี่สนุกมากขึ้น โดยรวมท่านั่งขับดูหล่อ เวลามองแล้วตัวรถและผู้ขับดูเป็นหนึ่งเดียวกันลงตัว ถูกใจมากเลย
ของมันต้องมี
จากการทดสอบโดยรวมแล้วเจ้าคันนี้คือ นีโอสปอร์ตคาเฟ่ หนึ่งในตระกูล CB ที่ใครหลายคนอยากจะเป็นเจ้าของ มีความหล่อแบบดุดันในแบบของ Black Edition มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย จอสี TFT เด่นสวย คันเร่งไฟฟ้า และ Riding Mode ปรับได้ขณะขับขี่ เท่านั้นยังไม่พอยังมีช่วงล่างจาก SHOWA นุ่มนวล ขี่ง่าย เป็นมิตรกับไรเดอร์ตามสไตล์รถฮอนด้า ไม่ต้องปรับตัวเข้าหารถมาก ตัวรถออกแบบมาพร้อมตอบโจทย์คนที่ต้องการมีสไตล์เป็นของตัวเอง พร้อมให้ความคุ้มค่าและประสบการณ์ที่ดีด้วยเงินเพียง 599,000 บาทเท่านั้น
สำหรับใครที่สนใจชมสุดหล่อคันนี้ได้ที่ Honda Bigwing ทุกสาขาทั่วประเทศไทย ผมขอรับประกันความเฟี้ยว..!!
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก