รีวิว Aprilia SR GT 200 แค่บิดก็พร้อมลุยทุกเส้นทาง

Admin Superbike

รีวิว Aprilia SR GT 200 แค่บิดก็พร้อมลุยทุกเส้นทาง

รีวิว Aprilia SR GT 200

กล่าวได้เลยว่าเรียกเสียงฮือฮากันมากสำหรับอาพริเลียคันนี้ เพราะมันคือเออร์บันแอดเวนเจอร์สกู๊ตเตอร์คันแรกของทางค่าย ทั้งยังเป็นโมเดลที่หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าไม่เข้ามาจำหน่ายในไทยเสียด้วยซ้ำ ทว่าก็มีการนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทำการทดสอบ แน่นอนว่า SuperBike Thailand ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ทำการ รีวิว Aprilia SR GT 200 สกู๊ตเตอร์น้องใหม่ที่พร้อมลุยทุกเส้นทางคันนี้ด้วย จะเป็นอย่างไรกันนั้น ไปดูกันเลย

โดดเด่นโฉบเฉี่ยว

ในด้านการออกแบบดีไซน์ถือว่าเจ้าคันนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ทั้งสไตล์ของตัวรถที่ออกมาเป็นในแนวแอดเวนเจอร์บวกกับ DNA เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของทางค่าย ทำให้ไม่ว่าจะขี่ไปที่ไหน ใคร ๆ ก็ต้องเหลียวมอง และถ้าเป็นคนชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ มองแว่บเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นอาพริเลียแน่นอน

ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้าที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางค่าย ด้วยไฟหน้าแบบ 3 ดวง ถอดรหัสดีเอ็นเอ มาจากซูเปอร์ไบค์ตัวท็อปของทางค่าย มาพร้อมเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์บิลต์อินในโคม ให้ความสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ดูเด่นดุดัน แฟริ่งด้านข้างออกแบบเป็นดับเบิ้ลแฟริ่ง สวยสปอร์ต ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้ตัวรถดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีชิ้นส่วนแฟริ่งที่มีลูกเล่นดีไซน์เป็นลายคาร์บอนดูสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น

ถัดเข้ามามีตัวเรือนไมล์แบบ Full LCD ขนาดใหญ่ ดีไซน์มาสวย มองค่าต่าง ๆ ได้ง่าย ชัดเจน พร้อมบอกฟังก์ชั่นแบบครบครัน อาทิ ความเร็ว วัดรอบเครื่องยนต์ เวลา ทริป อัตราเฉลี่ยน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับน้ำมัน ความร้อนเครื่องยนต์ เซนเซอร์ขาตั้ง ไฟเลี้ยว ไฟแสดงสถานะเครื่องยนต์ ระบบ ABS ระบบ Start & Stop ถือว่าแสดงผลได้ครบถ้วนเลยทีเดียว

ส่วนด้านท้ายก็ออกแบบมาได้เพรียวบางเข้ารูปทรงกับทางด้านหน้า ทำให้ตัวรถดูเล็กน่าขี่ รู้สึกได้ถึงความคล่องตัว เสริมด้านท้ายด้วยบังโคลนล้อหลังอีกทั้งยังมีกันดีดที่นอกจากจะดูดีแล้วยังใช้งานได้จริง กันการกระเด็นของน้ำ หิน ดิน ทราย ถือว่าตรงนี้ช่วยได้เยอะเลย

เครื่องยนต์ดีขี่สนุก

สำหรับขุมพลังนั้นจะเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดตัวใหม่ iGet แบบ 1 ลูกสูบ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จากการทดลองขับขี่ถือได้ว่าเครื่องตัวนี้ขี่สนุก ให้กำลังได้ดีในช่วงรอบต้นและกลาง บิดติดมือ ถือว่ามาดีเลยทีเดียว เติมคันเร่งในโค้งต่อเนื่องถือว่าตอบสนองได้ดี

ถ้าลองคิดว่าต้องซอกแซกในเมืองช่วงรถติด ๆ ก็น่าจะไปได้เพราะตัวรถมีความปราดเปรียวคล่องตัว ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะเอาไปขี่แนวลุย ๆ ทางลูกรังนิดหน่อย เครื่องยนต์ตัวนี้ก็มีกำลังพอจะให้ขับขี่ฝ่าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ถังน้ำมันขนาดใหญ่ มีความจุขนาด 9 ลิตร ถือว่าถังใหญ่พอสมควร วิ่งได้ไกลแน่นอน ไม่ต้องเติมบ่อย

โดยส่วนตัวผมคิดว่าเครื่องยนต์พิกัดนี้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ส่วนใครอยากจะไปเติมของ แต่งองค์ทรงเครื่องให้แรงขึ้นนิดหน่อย ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ายากนัก

ช่วงล่างพร้อมลุย

ในส่วนของช่วงล่างนั้นถือว่าให้มาค่อนข้างดี โดยโช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิก แกนขนาด 33 ม.ม. จาก Showa ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่ารถในพิกัดเดียวกัน มีระยะยุบตัว 122 ม.ม. ด้านหลังเป็นโช้คคู่แบบสตรัทสปริงสามารถปรับพรีโหลดหรือความแข็งอ่อนได้ 5 ระดับ มาพร้อมระยะยุบตัว 102 ม.ม. ซึ่งก็เป็นของ Showa เช่นกัน

พอได้ลองขับขี่ ฟีลลิ่งที่ได้คือแน่นหนึบดี เวลาเข้าโค้งก็กระชับพลิกรถง่าย ช่วงของการทดสอบขึ้นกระดกต่อเนื่องไม่มีการยันของตัวโช้ค ซับแรงได้ดีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยที่เราทดสอบนั้นไม่มีการปรับแต่งค่าใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นค่าเดิมจากโรงงาน ถือว่าตอบโจทย์ตามสไตล์ของตัวรถเลย

ในส่วนของระบบเบรกให้มาเป็นดิสก์เบรกหน้าหลัง ส่วนนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลย โดยด้านหน้ามี ABS ติดมา ทำให้กล้ากำเบรกมากขึ้น ช่วยให้ได้ระยะเบรกที่สั้นลง ขี่สนุกขึ้น ในส่วนของเบรกหลัง ถ้าเป็นสไตล์ของแอดเวนเจอร์หรือลุย ๆ หน่อย เบรกหลังก็จะช่วยบังคับทิศทางของตัวรถได้ขณะอยู่ในทางดินทางฝุ่น ช่วยได้ดีเลย ตรงนี้ก็ถือว่าต่างกรรมต่างวาระ ต่างสถานการณ์ว่าจะใช้แบบไหนก็สามารถใช้งานได้

และส่วนสุดท้ายเลยที่ถือว่าเวลามองก็จะสัมผัสได้ถึงสไตล์ของตัวรถ นั้นก็คือ ล้อทีเป็นล้อแม็กแบบไม่ใช้ยางใน ด้านหน้ามีขนาด 14 นิ้ว ส่วนด้านหลังขนาด 13 นิ้วมาพร้อมยางแบบออลทอร์เรนจากมิชลิน ที่จะตอบโจทย์การขับขี่ทั้งแบบทางดำและทางฝุ่น สังเกตง่าย ๆ จากลายดอกยางที่ให้มา ลองขี่เต็ม ๆ ในแทร็กแล้ว ก็ถือว่าทางถนนดำยางตัวนี้ก็ใช้ได้เลย เลี้ยวโค้ง เบรกหนัก เดินคันเร่งเต็ม ๆ ก็ยังเอาอยู่ ด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของช่วงล่างที่ให้มานั้นสัมพันธ์กันดีทำให้ช่วงล่างทำงานได้อย่างลงตัวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขี่ก็ง่ายนั่งก็สบาย

เรื่องของท่านั่งนั้นออกแบบมาได้ดีเลยทีเดียวตามสไตล์ของตัวรถ เออร์บันแอดเวนเจอร์ สรีระท่านั่งการขับขี่สบาย ๆ ไม่ต้องก้มหลังเลย ระยะแฮนด์บาร์พอดิบพอดี ไม่กว้างมากจนเกินไป บังคับเลี้ยวได้ง่าย ฟุตบอร์ดหรือที่วางเท้าด้านหน้าก็ออกแบบมาให้สามารถวางเท้าได้สองตำแหน่งต่างระดับกัน จะยืดจะเหยียดก็สามารถขยับปรับได้สบาย

แต่สำหรับครั้งนี้ที่ได้มาทดสอบการขับขี่ในแทร็กโกคาร์ท ก็ถือว่ารีดสมรรถนะความสปอร์ตออกมาได้อย่างเต็มที่ การบังคับเลี้ยวทำได้ง่าย สบาย ๆ พลิกโค้งต่อเนื่องดี และมีสเตชั่นของกระดก ก็มีบางจังหวะที่ยืนบ้าง ยกบั้นท้ายบ้างก็ทำได้ดี เอาเป็นว่า ท่านั่งการขับขี่ออกแบบมาให้เราขี่ได้ทุกสภาพถนน มุมมองต่าง ๆ ตอบโจทย์การขับขี่ทุกแนวทุกสไตล์เลย

เทคโนโลยีมาเหนือ

สำหรับเทคโนโลยี จุดเด่นของคันนี้เลยคือ ระบบ Aprilia MIA การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ ให้ใช้งานผ่านแอพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ดูข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวรถได้สะดวก โดยเรียกใช้งานได้ง่ายการปุ่มกดทางด้านขวามือของประกับแฮนด์ ที่จะเป็นปุ่มใช้งานฟังก์ชั่นนี้ เสริมเข้ามาเพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ (หมายเหตุ เป็นอุปกรณ์เสริม)

ทั้งยังมีระบบ Start & Stop เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่จะควบคุมการทำงานด้วยโปรแกรม ECU ใหม่ RISS (Regulator Inverter Start & Stop System ) เวอร์ชั่นล่าสุด 3.0 ทำให้เครื่องยนต์ปราศจากเสียงรบกวนจากมอเตอร์เวลาสตาร์ท และระบบจะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ขณะรถติดหรือรถหยุดนิ่ง ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและช่วยลดโลกร้อนไปในตัว โดยเราสามารถที่จะเปิดปิดระบบได้อีกด้วย

สำหรับส่วนของกุญแจจะเป็นอิมโมบิไลเซอร์ กุญแจชิปที่ให้ความปลอดภัย พร้อมไฟสัญญาณกันขโมยโชว์ที่หน้าจอเรือนไมล์เป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะดับไปเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

สะดวกสบาย

สกู๊ตเตอร์นั้นแน่นอนว่าต้องมีลูกเล่นเพื่อความสะดวกสบาย ทางค่ายก็จัดมาให้พอสมควร แม้จะไม่มากอะไร แต่ที่ให้มาก็ถือว่าใช้งานได้จริง โดยตัวรถจะมีเกะทางด้านซ้ายขวาใต้แฮนด์บาร์ที่สามารถใส่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ช่องซ้ายจะพิเศษหน่อย มาพร้อมช่องจ่ายไฟแบบ USB-A ชาร์จไฟได้

และในส่วนของยูบ็อกใต้เบาะผู้ขับขี่ขนาด 25 ลิตร ใหญ่พอที่จะใส่หมวกกันน็อกได้หนึ่งใบ และสัมภาระอีกส่วนนึงได้สบาย ๆ ที่เก็บของเยอะตามสไตล์สกู๊ตเตอร์ใช้งานทั่วไป แถมยังลูกเล่นเพิ่มเติมคือที่เปิดเบาะจากบริเวณฝาถังน้ำมันอีกด้วย เผื่อเวลาเติมน้ำมันแล้วอยากหยิบของอะไรใต้เบาะมาใช้งาน เป็นต้นว่า หยิบเงินมาจ่ายค่าน้ำมันก็ทำได้สะดวกไม่เคอะเขิน

สรุปให้

สกู๊ตเตอร์คันนี้จะมาตอบโจทย์ไบค์เกอร์ที่ต้องการรถขี่สนุก ขี่ง่าย คล่องตัว ช่วงล่างแน่น ใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน หรือว่าบางทีก็อยากจะขี่ลุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ได้อรรถรสที่แปลกใหม่ คันนี้จะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดี รวมไปถึงคาแร็คเตอร์การดีไซน์ที่เฉพาะตัวมี DNA เจ้าสนามอยู่ในคันนี้อีกด้วย แน่นอนว่าขี่ไปที่ไหนก็เด่นสะดุดตา ที่สำคัญคือความคุ้มค่าคุ้มราคา ในราคาเริ่มต้นที่ 143,900 บาท และรุ่น Sport เปิดราคา 148,900 บาท กับรถสกู๊ตเตอร์แบรนด์อิตาลี อยากไม่เหมือนใครต้องคันนี้เลย

และพิเศษสุด สำหรับลูกค้าที่จองรถ Aprilia SR GT ผ่านช่องทาง https://www.apriliasrgtthailand.com/ จำนวน 500 ท่านแรก รับของที่ระลึก Aprilia SR GT Premium Kit ประกอบไปด้วย หมวก, กระเป๋า, พวงกุญแจ และ สติ๊กเกอร์ (รวมมูลค่า2,500 บาท) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/OfficialApriliaThailand และโชว์รูม Motoplex ทั่วประเทศ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Next Post

Honda CB300F เปิดตัวกับบิ๊กวิงอินเดียพร้อมอ็อปชันแน่นแบบจัดเต็ม

Honda CB300F เปิดตัวกับบิ๊กวิงอินเดียพร้อมอ็อปชันแ […]

You May Like

Subscribe US Now

Exit mobile version