PS Magazine จัดทดสอบยางสปอร์ตทัวริ่ง 6 แบรนด์ดังเฟ้นหาที่สุดของยางสปอร์ตทัวริ่งที่ซิ่งได้ไม่กลัวฝนหากคุณอยากจะขี่รถได้ดีและปลอดภัยคุณก็ต้องเลือกใช้ยางที่ดีมีคุณภาพจึงจะช่วยรีดสมรรถนะรถของคุณออกมาได้เต็มที่และปลอดภัยด้วย การทดสอบครั้งนี้จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่ายางสปอร์ตทัวริ่งของแต่ละแบรนด์นั้นมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไรกันบ้าง
ทดสอบยางสปอร์ตทัวริ่งในนิตยสาร PS เนี่ยนะ? ใช่สิครับ การทดสอบพิเศษนี้อยู่ใน PS Magazine ฉบับที่ 03/2018 ก็อย่างที่คุณเห็นอยู่นี่แหละครับ ขนาดพื้นยางของรองเท้านักกีฬายังมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการยึดเกาะ ซึ่งมีผลกับการควบคุม ความแม่นยำและการตอบสนอง ยิ่งกับรถขนาดใหญ่ที่แรง 200 ม้าก็ยังต้องใช้ยางที่ใช้เทคโนโลยีจากสนามแข่งเลย แต่ก็ยังมีรถที่อยู่ระดับรองลงมาจากกลุ่มรถสมรรถนะสูงขนาดนั้นอยู่ด้วย ในที่นี้คือยางระดับกลางที่มีข้อดีที่เด่นชัดที่สุดในเรื่องของอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยางกลุ่มสปอร์ตทัวริ่งยังมีการยึดเกาะบนถนนที่เย็นและเปียกชื้นที่ดีกว่า รวมไปถึงยังร้อนเร็วด้วย ดังนั้นการลองหันไปมองยางอื่นๆ บนชั้นบ้างก็เป็นเรื่องที่ไม่เสียหายอะไร
นอกจากนี้ค่ายผู้ผลิตยางในกลุ่มนี้ก็พัฒนายางกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องจริงจัง ในช่วงแรกเริ่มนั้น Bridgestone เปิดตัว T 31 ส่วน Michelin ก็เปิดตัวด้วย Road 5 ที่ออกแบบใหม่หมดจด โดยตัวหลังเป็นยางที่มีเพียงเวอร์ชั่นเดียว ในขณะที่ยางของค่ายอื่นนั้นมี 2 เวอรชั่น สำหรับรถธรรมดาและรถขนาดใหญ่น้ำหนักมาก (Heavyweight) ความแตกต่างคือมันช่วยให้รถขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากเช่นรถทัวริ่งขนาดใหญ่นั้นสามารถขับขี่ได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วยการเพิ่มชั้นผ้าใบเข้าไปในโครงสร้างของยาง อย่างไรก็ตามอย่างที่แยกเวอร์ชั่นออกมานี้จะให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ต่างออกไป ซับแรงได้น้อยลง มีผลต่อความนุ่มสบายในการขับขี่ นอกจากนี้มันยังให้การตอบสนองที่น้อยลงและทำให้บังคับเลี้ยวได้ยากขึ้น ทั้งนี้ยางตัวไหนเหมาะกับรถแบบไหนสามารถดูได้บนเว็บไซต์ของแต่ละค่ายผู้ผลิตได้เลย งานนี้เรานำเอา BMW R 1200 RS มาใช้เป็นรถทดสอบ เนื่องจากมันเป็นรถทัวริ่งที่ค่อนไปทางสปอร์ตมาก เรายังเลือกใช้ยางเวอร์ชั่นพื้นฐานนำมาทดสอบเปรียบเทียบ ยกเว้นยาง Continental ที่ทางค่ายยืนกรานให้เรานำยางเวอร์ชั่น GT มาทดสอบ ซึ่งเราก็โอเค โดยคำถามสำคัญในการทดสอบครั้งนี้ของเราคือ ยางแต่ละยี่ห้อนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อต้องเจอกับการทดสอบสุดหินของเรา?
การทดสอบของ PS นั้นจะเน้นการขับขี่แบบสปอร์ตเป็นหลัก
นอกจากนี้เรายังสนใจในเรื่องของอายุการใช้งานของยางแต่ละตัวด้วย โดยในหัวข้อนี้ ContiRoadAttack 3 GT ทำได้ดีที่สุด หลังจากขับขี่ไปแล้วกว่า 3500 กม.บนถนนหลวงกับถนนชนบทที่คดเคี้ยว ยางหน้านั้นยังมีดอกยางคงเหลือลึกมากถึง 60.5% ส่วนยางหลังคือ 46% ตามมาด้วย Dunlop (54.9 / 45.2%), Metzeler (52.3 / 41.1%), Pirelli (44.8 / 41.8%) และ Michelin (31 / 45.8 %) บ๊วยสุดคือ Bridgestone ที่เหลือเพียง 42.2 / 30.2% อย่างไรก็ตามตัวเลขเหล่านี้ไม่ส่งผลกับคะแนนรวม เนื่องจากนิตยสารของเราเป็นนิตยสารที่เน้นเรื่องของรถสปอร์ตและการขับขี่แบบสปอร์ต เราจึงโฟกัสกันที่การขับขี่แบบสปอร์ตเป็นหลัก อย่าไงรก็ตามการแจกแจงตัวเลขนี้ให้เห็นก็มีความหมายและมีประโยชน์ต่อไบค์เกอร์ที่ชอบเดินทางไกลๆ เช่นกัน
เรามาพูดถึงเรื่องราคาของยางที่เราทดสอบกันดีกว่า อิงไซส์ยางที่ 120/70 ZR 17 และ 180/55 ZR 17 เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้ Dunlop นั้นเคาะราคาแนะนำออกของ Roadsmart III 1 คู่ออกมาที่ราวๆ 13,000 บาท อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์แล้วร้านค้าปลีกนั้นแทบจะไม่เพิ่มราคาจากนี้มากนัก แต่ในอินเตอร์เน็ตเราเจอข้อเสนอที่ถูกที่สุดเพียงแค่ 8,200 บาทรวมส่งฟรีอีกด้วย ส่วนยางจากค่ายอื่นๆ ก็มีราคาในระดับที่ใกล้เคียงกัน!
BRIDGESTONE T31
สรุป: เป็นอย่างที่เสถียรที่สุดแม้กระทั่งตอนที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงพร้อมบรรทุกสัมภาระ ตัวรถนั้นไม่มีอาการส่ายใดๆ นอกจากนี้ยังบาลานซ์ดีมากเวลาขับขี่บนถนนแห้ง แต่พอถนนเปียกกลับให้การยึดเกาะดีแต่ไม่ดีที่สุด แต่ยังสามารถขี่ลุยถนนที่มีน้ำเจิ่งนองได้อย่างปลอดภัย เราจึงประเมินให้เจ้า T31 นั้นอยู่ในลำดับที่ 3
CONTINENTAL ROADATTACK 3 GT
สรุป: สำหรับรถที่มีน้ำหนักมากเหมือนอย่าง BMW R 1200 RS ที่เรานำมาทดสอบ ทาง Continental แนะนำให้ใช้ยาง RoadAttack 3 ในเวอร์ชั่น GT ที่มีการเสริมความแข็งแรง ผลที่ออกมาคือรถจากเมืองบาวาเรียนั้นขี่ได้เสถียรมากๆ ตลอดการขับขี่ในแทร็ก แต่การควบคุมและการตอบสนองไม่ดีนัก ส่วนการขับขี่บนถนนเปียกนั้นให้การยึดเกาะที่เยี่ยมและช่วยให้เบรคหรือลดความเร็วรถได้ดีเยี่ยมเช่นกัน
DUNLOP ROADSMART III
สรุป: ด้วยการควบคุมที่ดีและการตอบสนองที่ชัดเจนทำให้ Dunlop นั้นเป็นยางที่ทำให้รถขี่สนุก ข้อด้อยคือ เวลาเข้าโค้งมันทำให้รู้สึกกังวลนิดหน่อยเวลาคุณจะแบนรถเข้าโค้ง การขับขี่บนถนนแห้งก็ทำได้เยี่ยม ส่วนสมรรถนะบนถนนเปียกก็ให้การยึดเกาะในระดับปานกลาง
METZELER ROADTEC 01
สรุป: แม้ว่าจะมีพื้นฐานที่ดี แต่ Metzeler กับการขี่บนถนนแห้งก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นในด้านใดเป็นพิเศษ แต่บนถนนเปียกยางตัวนี้กลับโดดเด่นในเรื่องการยึดเกาะและการตอบสนองที่ดี แต่บนถนนแห้งนั้นกลับทำคะแนนในด้านการควบคุมและความแม่นยำได้ในระดับกลางๆ เท่านั้น
MICHELIN PILOT ROAD 5
สรุป: เหมือน Bridgestone ยาง Michelin ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดสำหรับในปีนี้ บนถนนแห้งนั้นมันให้ความเสถียรที่ดีมาก แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับให้การควบคุมและความแม่นยำในระดับกลางๆ เท่านั้น ส่วนบนถนนเปียก Road 5 นั้นเด่นเรื่องการยึดเกาะเป็นเลิศและอาการของยางนั้นดีมากๆ
PIRELLI ANGEL GT
สรุป: ดีที่สุดในการทดสอบบนถนนแห้งและถนนเปียกทำให้ Pirelli เป็นสุดยอดยางที่เหมาะกับสายออกทริปที่ชอบซิ่งแบบสปอร์ต โดดเด่นที่สุดคือเรื่องการยึดเกาะ ตัวยางนั้นช่วยให้คุณทำทุกอย่างได้ดี แต่การควบคุมนั้นบางจุดยังด้อยกว่ายางตัวอื่น นอกจากนี้การยึดเกาะบนถนนเปียกก็ดีกว่ายางตัวอื่นอีกด้วย ดังนั้นมันจึงสมควรเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
คะแนนทดสอบจากนิตยสาร PS Magazine
จากตารางคะแนนก็จะสรุปได้ว่า จากการทดสอบการใช้งานทั้งบนถนนแห้งและจำลองถนนเปียกนั้น นิตยสาร PS ให้คะแนน Pirelli Angel GT มาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย Michelin Road 5 เป็นอันดับ 2 Bridgestone T 31 และ Dunlop Roadsmart III ได้คะแนนเท่ากันรั้งอันดับ 3 ร่วมกัน อันดับ 5 และ 6 ตกเป็นของ Continental Road Attack 3 GT และ Metzeler Roadtec 01 ตามลำดับ
อ่านข่าวสารเพิ่มเติม คลิกทีนี้
ติดตาม ข่าวสารผ่าน เพจ Facebook คลิกทีนี้